2 ช่องทางและวิธีการเดินทาง แผนที่ ภูมิอากาศ ตรัง
ช่องทางและวิธีการเดินทาง จังหวัดตรัง
รถยนต์
ตรังอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 828 กิโลเมตร การเดินทางโดยรถยนต์ทำได้ 2 ทาง คือ
1. ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ระยะทางประมาณ 617 กิโลเมตร และตรงมาตามทางหลวงแผ่นดินสาย 41 สู่อำเภอทุ่งสง ระยะทาง 133 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินสาย 403 สู่ห้วยยอดระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินสาย 4 อีก 28 กิโลเมตร ถึงตรัง รวมเป็นระยะทาง 828 กิโลเมตร
2. ใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ มาตามทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ระยะทาง 90 กิโลเมตร และแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (เพชรเกษม) จนถึงชุมพร แยกเข้า ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง รวมระยะทาง 1,020 กิโลเมตร
รถไฟ
มีรถเร็วและรถด่วนออกจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ถึงสถานีตรังทุกวัน ระยะทาง 870 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 ชั่วโมง
สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. 1690, 0 2223 7010, 0 2223 7020 หรือ สถานีรถไฟตรังโทร. 0 7521 8012
รถโดยสารประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี มีรถโดยสารประจำทางทั้งธรรมดาและปรับอากาศ กรุงเทพฯ – ตรังทุกวัน
รายละเอียดสอบถามได้ที่ 0 2435 1199 (รถปรับอากาศ) และ โทร. 0 2434 5557-8 (รถโดยสารธรรมดา) หรือ บริษัท ขนส่ง จังหวัดตรัง โทร. 0 7521 8718 www.transport.co.th
เครื่องบิน
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีเที่ยวบินตรงไปจังหวัดตรังทุกวัน สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1566, 0 2280 0060, 0 2628 2000 หรือ การบินไทย สาขาตรัง โทร. 0 7521 9923, 0 7521 8066 www.thaiairways.com
การเดินทางทางเรือระหว่างเกาะ
จังหวัดตรังเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีการเดินทางท่องเที่ยวทางเรือสะดวกระหว่างเกาะในจังหวัดกระบี่และจังหวัดตรัง ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางท่องเที่ยวทางเรือมากขึ้น คือจากเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ สามารถจะเดินทางโดยทางเรือไปเกาะมุก เกาะไหง เกาะกระดาน ในจังหวัดตรัง สามารถสอบถามข้อมูลเวลาเดินเรือได้ที่ บริษัท รอยัล เฟิร์น จำกัด โทร. 0 7568 4123
การคมนาคมภายในจังหวัด
ในตัวเมืองตรังมีรถสามล้อเครื่อง หรือตุ๊กตุ๊ก บริการในเขตเทศบาล หากเดินทางติดต่อระหว่างอำเภอมีบริการรถโดยสารประจำทาง รถสองแถว และรถตู้เช่าได้จากบริษัททัวร์ในตัวเมืองตรัง
ตารางการเดินรถภายในจังหวัดตรัง
เส้นทาง | ค่าโดยสาร | ไปถึง/ผ่านแหล่งท่องเที่ยว |
รถตู้ตรัง-ย่านตาขาว (ขึ้นรถที่ถนนรัษฎา) โทร. 0 7522 5772 |
15 บาท (ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) | -ผ่านสวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (ทุ่งค่าย) -หาดสำราญ,ท่าเรือแหลมสะเต๊ะและเกาะสุกร แต่จะต้องต่อรถสองแถว |
รถแท๊กซี่ตรัง-ย่านตาขาว (ตั้งแต่เวลา 07.00-19.45 น.) โทร. 0 7522 4336 |
ย่านตาขาว-ปากปรน ที่ตลาดย่านตาขาว | |
รถตู้ตรัง-สิเกา (ปากเมง) (ถนนท่ากลาง) (ตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น.) โทร. 0 7521 9355 |
30 บาท (ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) | -ผ่านพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำราชมงคล -หาดปากเมง -ท่าเรือปากเมง (ไปเกาะต่างๆ) |
รถตู้ตรัง-หาดยาว (ถนนท่ากลาง) (ตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น.) | 30 บาท (ใช้เวลา 1 ชั่วโมง) | -ผ่านบ่อน้ำร้อนกันตัง -ผ่านหาดหยงหลิง -หาดยาว -ท่าเรือหาดยาวไปเกาะต่างๆ |
รถตู้ตรัง-กันตัง(ถนนกันตัง) โทร. 0 7522 4152 |
15 บาท(ใช้เวลา 30 นาที) | -ยางพาราต้นแรก -สวนสาธารณะควนตำหนักจันทน์ -พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎาฯ |
รถแท๊กซี่ตรัง-กันตัง(ข้างสถานีรถไฟ) โทร. 0 7523 8004 |
20 บาท | |
รถแท๊กซี่ตรัง-นาวง ซอย 4 ถนนวิเศษกุล (ตั้งแต่เวลา 07.00-17.30 น.) | เช่าเหมา 250 บาท/เที่ยว (ใช้เวลาเดินทาง 35 นาที) | |
รถบัสตรัง-นาวง ถนนห้วยยอด (หน้าคริสจักรตรัง) (ตั้งแต่เวลา 06.30-16.30 น.) | 15 บาท (ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที) | -ผ่านถ้ำเลเขากอบ |
รถสองแถวตรัง-เขาช่อง ถนนไทรงาม (ข้าง รพ.ราชดำเนิน) (ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.) |
10 บาท (ตลาดอำเภอนาโยง) 12 บาท (ปากทางเข้าน้ำตกกะช่อง) (ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) |
-ผ่านทางเข้าถ้ำเขาช้างหายและกลุ่มทอผ้านาหมื่นศรี และใช้บริการมอเตอร์ไซด์รับจ้างหน้าตลาดนาโยงเข้าไปถึงแหล่ง -ถึงปากทางเข้าและเดินเข้าไป -สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้ (เขาช่อง) -สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาช่อง -น้ำตกกะช่อง |
การเดินทางจากตรังไปจังหวัดใกล้เคียง
จากจังหวัดตรังมีรถตู้ปรับอากาศไปเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และจังหวัดสตูล ดังนี้
ตรัง - เกาะลันตาในจังหวัดกระบี่ รถออกเวลา 10.00 น. 12.00 น. 13.30 น. และ 15.30 น. ใช้เวลาเดินทาง 2.30 ชั่วโมง ค่าโดยสารคนละ 120 บาท
ตรัง - สตูล รถออกเวลา 11.00 น. ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง ถึงท่าเรือปากบารา ค่าโดยสารคนละ 150 บาท และท่าเรือตำมะลัง ค่าโดยสารคนละ 350 บาท
สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ จิตรลดา ทัวร์ (อยู่หน้าสถานีรถไฟ) โทร. 0 7521 6110
จากตัวเมืองตรังไปจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่
พัทลุง 56 กิโลเมตร
นครศรีธรรมราช 123 กิโลเมตร
กระบี่ 131 กิโลเมตร
สตูล 134 กิโลเมตร
หาดใหญ่ 148 กิโลเมตร
สงขลา 176 กิโลเมตร
พังงา 221 กิโลเมตร
สุราษฎร์ธานี 226 กิโลเมตร
ภูเก็ต 312 กิโลเมตร
ชุมพร 378 กิโลเมตร
แผนที่ จังหวัดตรัง
แผนที่จังหวัด จังหวัดตรัง นิววิวทัวร์
แผนที่ตัวเมือง จังหวัดตรัง นิววิวทัวร์
แผนที่ท่องเที่ยว จังหวัดตรัง นิววิวทัวร์
ภูมิอากาศ จังหวัดตรัง
สภาพภูมิอากาศของจังหวัดแบ่งตามลักษณะอากาศของประเทศไทย คือแบ่งเป็น 3 ฤดู ดังนี้
ฤดูร้อน
เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ระยะนี้เป็นช่วงว่างของฤดูมรสุม หลังจากสิ้นสุดฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาว อากาศจะเริ่มร้อนและอากาศจะร้อนจัดที่สุดในเดือนมีนาคมและเมษายน แต่ไม่ร้อนมากนัก เนื่องจากภูมิประเทศเป็นคาบสมุทรอยู่ใกล้ทะเล กระแสลมและไอน้ำจากทะเลทำให้อากาศคลายความร้อนลงไปมาก
ฤดูฝน
เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นลมร้อนและชื้นมากจากมหาสมุทรอินเดียพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีฝนตกทั่วไป และในช่วงฤดูฝนยังมีร่องความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้เป็นระยะ ๆ อีกด้วย จึงทำให้มีฝนตกมาก ฝนสูงสุดของจังหวัดนี้อยู่ในเดือนกันยายน
ฤดูหนาว
เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ในระยะนี้จะมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเย็นและแห้งจากประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้อุณหภูมิลดลงทั่วไปและมีอากาศเย็น แต่เนื่องจากจังหวัดตรังอยู่ทางด้านชายฝั่งตะวันออกของภาคใต้ อุณหภูมิจึงลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว อากาศจึงไม่หนาวเย็นมากนัก และตามชายฝั่งมีฝนตกทั่วไป
ลักษณะอากาศทั่วไป
จังหวัดตรังเป็นจังหวัดที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมที่พัดผ่านประจำเป็นฤดูกาล 2 ชนิด คือ ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาว จะมีลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นลมเย็นและแห้งจากประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนตั้งแต่ภาคกลางขึ้นไปมีอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งทั่วไป แต่ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประขวบคีรีขันธ์ลงไปกลับมีฝนตกชุก เพราะลมมรสุมนี้พัดผ่านอ่าวไทย จึงพาเอาไอน้ำไปตกเป็นฝนทั่วไปตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป อากาศจึงไม่หนาวเย็นดังเช่นภาคอื่น ๆ ที่อยู่ทางตอนบนของประเทศ และจังหวัดตรังซึ่งอยู่ทางด้านฝั่งตะวันตกได้รับอิทธิพลของลมนี้จึงมีฝนตกเพียงเล็กน้อย และมีอากาศเย็น ลมมรสุมอีกชนิดหนึ่งคือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งพัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย จึงพาเอาไอน้ำและความชุ่มชื้นมาสู่ประเทศไทย แต่เนื่องจากจังหวัดตรังอยู่ทางด้านรับลมจึงได้รับอิทธิพลจากลมนี้อย่างเต็มที่ จึงทำให้มีฝนตกชุกมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ทางตอนบนของประเทศ แต่ในภาคเดียวกันจังหวัดตรังมีฝนอยู่ในเกณฑ์แล้ง
อุณหภูมิ
เนื่องจากจังหวัดตรังตั้งอยู่ในคาบสมุทรที่มีแหลมยื่นออกไปในทะเล จึงได้รับมรสุมอย่างเต็มที่ คือมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดียและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย ทำให้ได้รับไอน้ำและความชุ่มชื้นมากอุณหภูมิโดยเฉลี่ยจึงไม่สูงมากและอากาศไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน อากาศจะอบอุ่นในช่วงฤดูฝน ส่วนฤดูหนาวอากาศจะเย็นในบางครั้ง อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 27.4 ซ. อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32.3 ซ. อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.7 ซ. เดือนเมษายนเป็นเดือนที่มีอากาศร้อนจัดที่สุด เคยตรวจอุณหภูมิสูงที่สุดได้ 39.7 ซ. เมื่อวันที่ 13 ,18 เมษายน 2501 และเคยตรวจอุณหภูมิต่ำที่สุดได้ 15.8 ซ. เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2504
ความชื้นสัมพัทธ์
ความชื้นสัมพัทธ์สัมพันธ์กับมวลอากาศและอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสำคัญ ตลอดทั้งปีจังหวัดตรังจะมีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในเกณฑ์สูง เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมทั้งสองฤดูอย่างเต็มที่ มรสุมทั้งสองนี้ก่อนจะพัดเข้าสู่บริเวณจังหวัดได้ผ่านทะเลและมหาสมุทรจึงได้พัดเอาไอน้ำและความชุ่มชื้นมาด้วย ทำให้บริเวณจังหวัดมีความชุ่มชื้นและความชื้นสัมพัทธ์สูงเป็นเวลานาน ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดปีประมาณ 82 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 96 % ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 62 % เคยตรวจความชื้นสัมพัทธ์ต่ำที่สุดเคยตรวจได้ 19 % ในเดือนมกราคม
ฝน
ตรังเป็นจังหวัดที่มีฝนอยู่ในเกณฑ์ดีถ้าเทียบทั้งประเทศ แต่ถ้าเทียบตามภาคอยู่ในเกณฑ์ฝนแล้ง เพราะบริเวณจังหวัดอยู่ด้านฝั่งตะวันตกของภาคใต้จึงได้รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้เต็มที่ ปริมาณฝนในฤดูนี้จึงมีมากและได้รับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือน้อย เนื่องจากด้านตะวันออกถูกปิดกั้นด้วยภูเขา ปริมาณฝนในมรสุมนี้จึงน้อย ฝนเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 2,327.4 มิลลิเมตร และมีฝนตกเฉลี่ย 174 วัน เดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือเดือนกันยายน มีฝนเฉลี่ย 335.8 มิลลิเมตร ฝนตกประมาณ 20 วัน ฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมง เคยตรวจได้ 368.7 มิลลิเมตร เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2518
จำนวนเมฆ
ตลอดทั้งปีจะมีจำนวนเมฆเฉลี่ยประมาณ 6 ส่วนของจำนวนเมฆในท้องฟ้า 8 ส่วน โดยในฤดูร้อนเมฆประมาณ 4 ส่วน ฤดูฝนประมาณ 7 ส่วน ฤดูหนาวประมาณ 5 ส่วน
หมอก ฟ้าหลัว และทัศนวิสัย
โดยเฉลี่ยแล้วจังหวัดตรังมีโอกาสเกิดหมอกได้เกือบทุกเดือนประมาณเดือนละ 3 – 7 วัน เดือนตุลาคมเป็นเดือนที่เกิดหมอกมากที่สุดประมาณ 12 วัน วันที่เกิดหมอกทัศนวิสัยจะเลวเห็นได้ไม่เกิน 1 กิโลเมตร ส่วนฟ้าหลัวเกิดได้ทุกเดือน เดือนมกราคมถึงเมษายนเกิดมากประมาณเดือนละ 20 – 25 วัน ส่วนเดือนอื่น ๆ จะเกิดได้ประมาณ 9 – 13 วัน วันที่มีฟ้าหลัวทัศนวิสัยจะเห็นได้ไกลประมาณ 6 กิโลเมตร ทัศนวิสัยเฉลี่ยเวลา 07.00 น. ประมาณ 4 กิโลเมตร และทัศนวิสัยเฉลี่ยตลอดวันประมาณ 8 กิโลเมตร
ลม
ระบบหมุนเวียนของลมในจังหวัดตรังมีความชัดเจนดี โดยในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ลมจะพัดจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็วลมเฉลี่ย 7 - 13 กม./ชม. เดือนมกราคมถึงเมษายนพัดจากทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย ความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 7 - 15 กม./ชม. และในฤดูฝนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ลมจะเปลี่ยนเป็นทิศตะวันตกความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 6 – 7 กม./ชม. กำลังลมสูงสุดในแต่ละฤดูมีดังนี้ ฤดูร้อนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 93 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันออกในเดือนเมษายน ฤดูฝนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 93 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันตกค่อยไปทางใต้เล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม และฤดูหนาวเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 74 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันออกในเดือนธันวาคมและทิศตะวันออกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อยในเดือนมกราคม
พายุหมุนเขตร้อน
พายุหมุนเขตร้อนที่ผ่านบริเวณภาคใต้และทำความกระทบกระเทือนให้กับจังหวัดตรัง ส่วนมากเป็นพายุดีเปรสชั่นที่มีกำลังอ่อน พายุนี้ส่วนมากเกิดจากทะเลจีนใต้และมีส่วนน้อยที่เกิดทางมหาสมุทรแปซิฟิค พายุนี้ได้เคลื่อนตัวเข้ามาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยผ่านเทือกเขาในประเทศเวียดนามและลาวจึงอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น แต่มีบางครั้งที่ยังคงมีกำลังแรงอยู่เป็นพายุโซนร้อน พายุนี้อาจผ่านไปภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยและทำความกระทบกระเทือนได้ในทุกภาค พายุดีเปรสชั่นหรือพายุโซนร้อนนี้จะมีโอกาสผ่านบริเวณภาคใต้ของประเทศไทยไปยังอ่าวเบงกอลได้ ระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พายุที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ภาคใต้เกือบทุกครั้งจะทำความกระทบกระเทือนให้กับจังหวัดตรังด้วย คือทำให้ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรงและเกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลันขึ้นได้ กำลังแรงของลมและคลื่นในทะเลจะทำอันตรายแก่เรือในทะเล และอาคารบ้านเรือนที่อยู่ตามชายฝั่งทะเลได้ พายุหมุนที่มีความรุนแรงและทำความเสียหายแก่ภาคใต้เป็นบริเวณกว้างและจังหวัดตรังที่ผ่านมาได้แก่พายุโซนร้อน “ฮาเรียต” ซึ่งก่อตัวขึ้นในทะเลจีนใต้ใกล้ปลายแหลมญวน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2505 แล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยพร้อมทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และได้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2505 ลงสู่ทะเลอันดามัน พายุนี้ได้ทำความเสียหายเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้ โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 935 คน และบาดเจ็บ 445 คน ทรัพย์สินของราชการและเอกชนเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 1,320 ล้านบาท นับเป็นความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศไทย ในวันที่ 26 ตุลาคม 2505 พายุโซนร้อน “ฮาเรียต” ได้ผ่านจังหวัดตรังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ความเร็วลม 83 กม./ชม. พายุลูกนี้ทำให้มีฝนตกหนักใน 24 ชั่วโมง วัดจำนวนได้ 126.7 มิลลิเมตร ในวันที่ 25 ตุลาคม 2505 นอกจากนี้แล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2511 มีพายุดีเปรสชั่นซึ่งอ่อนกำลังลงจากพายุโซนร้อน “มิน่า” ผ่านเข้ามาในบริเวณจังหวัดทำให้มีฝนตกหนักใน 24 ชั่วโมงวัดจำนวนได้ 125.6 มิลลิเมตร