7 ประวัติ อื่นๆ หนองคาย

tour-history-miscelleneous-domestic
ประวัติ อื่นๆ จังหวัดหนองคาย

หนองคาย มิใช่เมืองเก่าแก่อะไรในประวัติศาสตร์  แต่เป็นเมืองใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ 3 นี่เอง  กำเนิดของเมืองหนองคายกบฏ  เมื่อเปลี่ยนแผ่นดินรัชกาลที่ 2 มาเป็นแผ่นดินรัชกาลที่ 3 นั่นเอง

เมื่อเจ้าอนุวงส์แห่งเมืองเวียงจันทร์คิดการไม่สำเร็จ  ยกทัพหนีจากเมืองนครราชศรีมาคืนกลับมาสู่เวียงจันทร์นั้น  กองทัพที่ยกมาจากกรุงเทพ ฯ ภายใต้การนำของเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุซิต  เมื่อครั้งเป็น  พระยาราชสุภาวดี  ได้ยกติดตามมา  เพื่อครั้งเป็น  พระยาราชสุภาวดี  ได้ยกติดตามมา  เพื่อตีเมืองเวียงจันทน์

ในปี พ.ศ. 2369 สมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเมืองเวียงจันทน์กบฏ ไม่ยอมขึ้นกับไทยอีก และได้ยกกองทัพมากวาดต้อนผู้คนในเขตแดนไทยกลับไป ในการปราบกบฏดังกล่าวท้าวสุวอธรรมาได้ยกทัพจากเมืองยโสธรมาช่วยกองทัพที่ยกไปจากกรุงเทพฯ จนสามารถมีชัยเหนือเจ้าอนุวงศ์และจับกุมตัวลงมากรุงเทพฯ ได้สำเร็จ รัชกาลที่ 3 จึงพระราชทาน บำเหน็จให้ท้าวสุวอธรรมาเลือกทำเลที่จะสร้างเมืองขึ้นรวม 4 แห่ง ซึ่งในที่สุดท้าวสุวอธรรมา ได้เลือกสร้างเมืองที่บ้านไผ่ เรียกชื่อว่าเมืองหนองคาย เมื่อ พ.ศ. 2370

ครั้งนั้นในปี พ.ศ. 2369 กองทัพไทยได้มาตั้งขุมพลอยู่ที่บ้านบกหวาน  ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองหนองคายปัจจุบัน 12 กิโลเมตร  เพื่อเตรียมยกทัพข้ามโขงไปตีเวียงจันทร์  ซึ่งในการทัพสงครามคราวนี้  ได้มีเจ้าเมืองใหญ่น้อย  ที่ตั้งชุมชนบ้านเรือนกระจัดกระจายอยู่แถบถิ่นใกล้เคียง  ให้ความช่วยเหลือร่วมมือกับกองทัพไทยเป็นอย่างดี  ซึ่งในจำนวนนี้ก็มี  ท้าวสุวอ  อันมีนามเดิมว่า  บุญมา  ดำรงตำแหน่งอุปราดแห่งนครจำปาศักดิ์  โดยมีศักดิ์เป็นหลานของ  พระเจ้าวิชัยราชขัตวงศา (หน้า)  เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์  ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพระวอ  พระตาวีรบุรุษของชาวเมืองอุบลราชธานีนั้นเอง

เมื่อกองทัพไทยตีเมืองเวียงจันทร์แตก  และสามารถจับตัวเจ้าอนุวงศ์ได้ซึ่งต่อมาได้นำเจ้าอนุวงศ์มากักไว้ที่กรุงเทพฯ  จนถึงแก่พราลัยในที่สุดนั้น  พระยาราชสุภาวดี  ได้ปูนบำเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ที่ทำความดีความชอบโดยทั่วถึงกัน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งท้าวสุวอ  ได้รับการปูนบำเหน็จเป็นพิเศษ  กล่าวคือ  บริเวณใกล้เคียงเมืองหนองคายทุกวันนี้  สมัยก่อนมีเมืองเก่าแก่อยู่ 5 เมือง  คือ  เมืองพานพร้าว  เมืองปะโคเมืองเวียงคุก  เมืองบ้านไผ่  และเมืองหล้าหนองคาย  ซึ่งต่างก็ตั้งชุมชนกระจัดกระจายกันอยู่  พระราชสุภาวดี  อยากให้รวมเมืองทั้งหมดนี้เข้าเมืองเดียวกัน  เพื่อให้เป็นเมืองใหญ่สำหรับป้องกันชายพระราชอาราเขตแห่งนี้  จึงได้ให้ท้าวสุวอ (บุญมา)  เลือกเมืองใดเมืองหนึ่งดังกล่าว  สร้างเป็นเมืองใหญ่ขึ้น  เพื่อปกครองสืบไป

ท้าวสุวอ  ได้พิจาณาชัยภูมิเมืองทั้ง 5 แล้ว  เห็นว่า  บ้านไผ่เหมาะสมที่จะตั้งเป็นเมืองใหม่มากที่สุด  เพราะมีพื้นที่ราบอันกว้างใหญ่ติดชายฝั่งแม่น้ำโขง  และมีบึงใหญ่ที่งามสะพรั่งไปด้วยดอกบัว  อันมีชื่อเรียกว่า  หนองคาย  มาเก่าแก่  จึงขอตั้งบ้านเมืองใหม่ขึ้นที่บ้านไผ่แห้งนี้

เมื่อพระยาราชสุภาวดี  กลับถึงกรุงเทพฯ และกราบถวายบังคมทูล  ถึงการสงครามครั้งนี้ให้ทรงทราบแล้ว  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  ทรงพระกรูราโปรดเกล้า ฯ  ให้พระยาราชสุภาวดีเป็นเจ้าพระยาบดินทร์เดชานุซิต  และในวโรกาสเดียวกันนี้  โปรดให้ท้าวสุวอ (บุญมา)  เป็น  พระปทุมเทวาภิบาล  ปกครองเมืองใหม่ที่บ้านไผ่ซึ่งโปรด ฯ  พระราชทานนามว่า  เมืองหนองคาย  โดยนิมิตจากหนองน้ำใหญ่ที่มีดอกบัวสะพรั่งนั่นเอง

พ.ศ. 2434 เมืองหนองคายได้เป็นสถานที่ตั้งมณฑลลาวพรวน จนกระทั่ง พ.ศ. 2436 จึงได้ย้ายไปตั้งที่ทำการมณฑลที่บ้านหมากแข้ง เนื่องจากได้เสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้กับฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ. 2443 ได้จัดตั้งมณฑลอุดรขึ้นที่บ้านหมากแข้ง เมืองหนองคาย จึงมีฐานะเป็นเมืองหนึ่งของมณฑลอุดร หลังจากยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลในปี พ.ศ. 2476 จังหวัดหนองคายซึ่งขึ้นกับ มณฑลอุดรได้แยกตัวออกมาเป็นจังหวัดหนองคายในปัจจุบัน

สาเหตุที่เมืองหนองคายได้ชื่อนี้มา  เพราะหนองคายแต่เดิมอยู่ในเขตบ้านไผ่ (คนละแห่งกับบ้านไผ่ จังหวัดข่อนแก่น)  ตราประจำจังหวัดซึ่งหนองน้ำในตราประจำเมืองก็คือ หนองคาย  นั่นเอง

จังหวัดหนองคายเป็นจังหวัดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับท่าเดื่อของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีพื้นที่ประมาณ 7,739.28 ตรกม.

การปกครอง
จังหวัดหนองคาย แบ่งการปกครองออกเป็น 12 อำเภอ 4 กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอบึงกาฬ อำเภอโพนพิสัย อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเซกา อำเภอท่าบ่อ อำเภอโซ่พิสัย อำเภอสังคม อำเภอพรเจริญ อำเภอปากคาด อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล กิ่งอำเภอบุ่งคล้า กิ่งอำเภอเฝ้าไร่ กิ่งอำเภอสระใครและกิ่งอำเภอรัตนวาปี

อาณาเขต

ทิศเหนือ จดแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศใต้ จดจังหวัดอุดรธานี สกลนคร
ทิศตะวันออก จดจังหวัดนครพนม
ทิศตะวันตก จดจังหวัดเลย