2 ช่องทางและวิธีการเดินทาง เวียดนาม

ช่องทางและวิธีการเดินทาง ประเทศเวียดนาม
ทางบก
จากลาวเข้าเวียดนามได้ 2 ทางคือ ทางด่านพรมแดนลาวบาว (Lao Bao) เข้าถึงเวียดนามตอนกลางและด่านเก๋าเตรียว (Cao Treo) หรือจะเดินทางเข้าเวียดนามทางกัมพูชาก็ได้ แต่เส้นทางไม่สะดวกและมีปัญหาเรื่องความปลอตภัยในพื้นที่
จากจีน ชาวต่างประเทศจะเดินทางเข้าเวียดนามได้ 3 เส้นทางคือ ทางรถไฟสายปักกิ่ง - ฮานอย ทางรถยนต์เข้าทางด่านหูไงกวน (Huu Ngai Quan) และทางเดินเท้าที่ด่านลาวไก๋ (Lao Cai) และมองไก๋ (Mong Cai) แต่ความปลอดภัยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ชายแดนของทั้งสองประเทศ
ทางรถผ่านจังหวัดหนองคาย
เส้นทางที่สะดวกในการข้ามแม่น้ำโขงคือข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคาย แล้วเดินทางโดยรถตู้หรือรถบัส จะใช้เส้นทางหมายเลข 13 ใต้เชื่อมต่อหมายเลข 8 ทางแขวงบริคำไชย (เมืองปากซัน) ซึ่งอยู่ตรงข้ามอำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย การเดินทางไปเที่ยวเวียดนามทางภาคเหนือแบบเป็นหมู่คณะที่สะดวกที่สุดในปัจจุบันนี้คือการเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ที่จังหวัดหนองคายโดยใช้รถบัสหรือรถตู้ของลาวหรือของเวียดนามในการเดินทางทั้งในเส้นทางประเทศลาวและเส้นทางในเวียดนาม สำหรับรถยนต์ส่วนตัวหรือรถบัสนำเที่ยวจากประเทศไทยนั้นจะใช้ได้เฉพาะในประเทศลาวเท่านั้น แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปเวียดนามได้ใน ขณะนี้ต้องทำเรื่อขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ
การเดินทางโดยรถยนต์ไปเวียดนามผ่านลาวเป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางท่องเที่ยวแบบสัมผัสกับธรรมชาติและได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนตามชนบทของลาวและเวียดนามในระหว่างการเดินทาง ถ้าออกเดินทางในช่วงเช้าจากหนองคายก็จะไปถึงเมืองวินห์ (เมืองที่อยู่ติดชายทะเลของเวียดนามในช่วงเย็น) และควรพักค้างคืนที่นั่น เพราะจะได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้านเกิดของลุงโฮจิมินห์ ประธานาธิบดีและวีระบุรุษของชาวเวียดนามที่ให้ความเคารพที่สุด แล้วถึงเดินทางต่อไปยังเมืองไฮฟองเมืองท่าสำคัญทางภาคเหนือของเวียดนาม ก่อนเดินทางต่อไปยังกรุงฮานอยเมืองหลวงอันเก่าแก่ของเวียดนามที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน พักค้างคืนและเที่ยวชมรอบกรุงฮานอยกับสถานที่สำคัญต่างๆ แต่ที่เด่นและมีชื่อเสียงที่สุดก็คือการแสดงหุ่นกระบอกน้ำอันเก่าแก่มาช้านาน และก็ได้เป็นเอกลักษณ์ของการมาเยือนกรุงฮานอย
ทางรถผ่านจังหวัดมุกดาหาร
เมื่อเดินทางไปถึงมุกดาหาร เดินทางต่อไปยังตลาดอินโดจีน
เมื่อมาถึงที่ท่าเรือที่ตลาดอินโดจีนที่มุกดาหาร (ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) โดยใช้พาสปอร์ตข้ามไปยังประเทศลาว โดยจะมีเรือข้ามเที่ยวแรก ประมาณ 9.00 น. ค่าเรือ 50 บาท หลังจากนั้นจะมีเรือออกทุก ๆ ครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางโดยทางเรือประมาณ 30 นาที
เมื่อมาถึงประเทศลาวแล้ว เสียค่าผ่านด่านลาวอีก 20 บาท หลังจากนั้น ต่อรถไปที่ท่ารถ เสียค่าโดยสารประมาณ 10,000 กีบ หรือประมาณ 40 บาท
ที่ท่ารถของลาว มีรถไปดานัง (เวียดนาม) ซึ่งผ่านเว้ รถออกประมาณ 4 ทุ่มของทุกวัน โดยใช้เวลาประมาณ 13 ชั่วโมง ค่าโดยสารประมาณ 110,000 ดอง หรือประมาณ 440 บาท ถ้าไปลงที่เว้ (Hue) จะได้ราคาถูกกว่านี้ ถ้าเป็นรถธรรมดาก็จะประมาณ 300 บาท (ไม่มีแอร์)
ทางอากาศ
จากกรุงเทพฯ มีเที่ยวบินตรงไปเวียดนามทุกวัน วันละหลายเที่ยวบิน โดยหลายสายการบินเช่น สายการบินแอร์ฟรานซ์ การบินไทย เวียดนามแอร์ไลน์ การบินลาว มาเลยเซียแอร์ไลน์ และสิงคโปร์แอร์ไลน์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 - 1.45 ชั่วโมง มีเส้นทางบินหลักอยู่ 2 เส้นทางคือ กรุงเทพฯ - โฮจิมินห์ และ กรุงเทพฯ - ฮานอย
สนามบินระหว่างประเทศที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ชื่อสนามบินตันเซินยัท (Tan Son Nhat) อยู่ห่างจากเมือง 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปในเมืองเพียง 15 นาที (รถแท็กซี่) หน้าสนามบินมีการจัดการจราจรเรียบร้อยดี มีพนักงานคอยให้บริการเรียกรถแท็กซี่ให้เข้ามารับผู้โดยสารตามคิว ค่าบริการรถแท็กซี่ไม่เกิน 10 ยูเอสดอลลาร์
สนามบินที่ฮานอยชื่อว่า สนามบินนอยไบ (Noi Bai) อยู่ห่างจากเมือง 45 กิโลเมตร ค่ารถแท็กซี่ 25 ยูเอสดอลลาร์
บริษัทการบินไทยเพิ่งเปิดบริการเที่ยวบินใหม่ระหว่าง กรุงเทพฯ - ดานัง มีเที่ยวบินไป - กลับในวันเดียวสัปดาห์ละ 3 วันคือ วันอังคาร วันพฤหัสบดีและ วันเสาร์
ท่าอากาศยาน
เวียดนามมีท่าอากาศยานนานาชาติที่สำคัญ 3 แห่ง คือ
ท่าอากาศยานนานาชาติโนยบ่าย (Noi Bai)ในกรุงฮานอย
ท่าอากาศยานนานาชาติเติ่นเซินเญิ๊ต (Tan Son Nhat)นครโฮจิมินห์
ท่าอากาศยานนานาชาติดานัง (Danang)นครดานัง
ท่านสามารถเดินทางระหว่างเมืองต่างๆของเวียดนามได้ 3 เส้นทาง คือ ทางบก ทางเรือ และทางอากาศ
โดยในทุกภูมิภาคของประเทศ ล้วนมีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เช่น ภาคเหนือ มีเมืองฮานอย ภาคกลาง มีเมืองเว้ ส่วนภาคใต้ ก็มีเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งการคมนาคมระหว่างเมืองเหล่านี้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย สำหรับการเดินทางภายในตัวเมืองต่างๆ ก็จัดว่าค่อนข้างสะดวกเพราะมีรถโดยสาร
ทางทะเล
เป็นการเดินทางที่ไม่ค่อยสะดวกและมีปัญหาเรื่องที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของเวียดนาม ซึ่งเข้มงวดมาก ตามปกติจะมีเรือท่องเที่ยวจากไทยไปแวะเกาะพูกว็อก (Phu Quoc) ของเวียดนามที่ทางการ เวียดนามอนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งเพื่อเข้าไปท่องเที่ยวได้ชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
การคมนาคมระหว่างเมือง
ทางรถไฟ
มีรถไฟวิ่งระหว่างเมืองใหญ่ เช่น ฮานอย โฮจิมินห์ ซิตี้ นาตรัง และเว้ ผู้โดยสารจะต้องซื้อตั๋วเดินทางล่วงหน้า แต่รถไฟเวียดนามเป็นบริการที่ช้ามาก สายที่เร็วที่สุดคือ สายฮานอย – โฮจิมินห์ ซิตี้ ระยะทางยาว 1,730 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางตลอดเส้นทาง 36 ชั่วโมง
รถประจำทาง
มีทั้งรถด่วน รถธรรมดา และรถมินิบัส วิ่งบริการเป็นประจำระหว่างเมืองใหญ่ทุกแห่ง ส่วนในเมืองขนาดกลางและเมืองเล็ก รถประจำทางและรถมินิบัสจะออกจากท่าเมื่อมีผู้โดยสารเต็มรถแล้วเท่านั้น
การคมนาคมภายในเมือง
รถประจำทาง หรือ รถบัส
เวียดนามเป็นประเทศที่เพิ่งพัฒนาการจัดการเรื่องการขนส่งมวลชนจึงยังไม่เข้าที่เข้าทาง เมืองใหญ่ที่มีประชากรมาก รถบัสจึงมีผู้โดยสารแออัดหนาแน่น ไม่สะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว แม้แต่คนเวียดนามก็ยังหันไปใช้พาหนะอื่นในการเดินทาง เช่น มอเตอร์ไชด์รับจ้าง และรถสามล้อ
รถแท็กซี่
ในเวียดนาม ผู้ใช้บริการโบกเรียกรถแท็กซี่ได้ทุกแห่ง ควรเลือกรถใหม่ที่คิดค่าโดยสารตามมิเตอร์และมีแอร์คอนดิชั่น ค่าโดยสารรถแท็กซี่เวียดนามถูกกว่ารถแท็กซี่เมืองไทย 2 เท่า
รถสามล้อ (รถซิกโคล่ - Cyclo)
เป็นพาหนะสำคัญในโฮจิมินห์ ซิตี้ และเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ๆ รถสามล้อที่มีคนถีบหรือซิกโคล่ หรือซี่โคล่นี้เป็นจุดเด่นของการท่องเที่ยวเวียดนาม ซึ่งจูงใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการได้รับประสบการณ์แปลก ๆ และท่องเที่ยวราคาถูกด้วยการนั่งรถสามล้อชมเมือง ค่าบริการนั่งรถคิดเป็นเที่ยว (ประมาณเที่ยวละ 4,000 ด่อง) หรือจะเหมาทั้งวันก็ได้ (ประมาณ 12,000 ด่อง) นักท่องเที่ยวมักจะถูกโก่งราคา แต่ก็ต่อรองราคากันได้
รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ในเวียดนามเรียกว่า ฮอนด้า ออม (Honda Om) หรือ Xeom แปลว่า มอเตอร์ไซด์แบบกอดเอวคนขับ ผู้ว่าจ้างนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ คนขับรถมักขับเร็วมากทำให้ไม่ปลอดภัย ชาวเวียดนามในเมืองใหญ่นิยมใช้มอเตอร์ไซค์รับจ้างเดินทางไปไหนมาไหนกันเป็นประจำ ปริมาณรถมอเตอร์ไซค์ที่มีจำนวนมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การจราจรในโฮจิมินห์ ซิตี้ และไซ่ง่อนไม่เป็นระเบียบ ค่อนข้างสับสนจอแจ
แหล่งที่มา : หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพาเวียดนาม หน้า 67 – 68 , หน้า 81 - 82