2 ช่องทางและวิธีการเดินทาง แผนที่ ภูมิอากาศ พัทลุง

tour-channel-transportation
ช่องทางและวิธีการเดินทาง จังหวัดพัทลุง

รถยนต์
จากกรุงเทพฯ สามารถไปได้ 3 เส้นทาง คือ

เส้นทางที่ 1 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร (สี่แยกปฐมพร) แยกเข้าระนอง พังงา กระบี่ ตรัง จนถึงพัทลุง ระยะทางประมาณ 1,140 กิโลเมตร

เส้นทางที่ 2 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ถึงชุมพร ให้เข้าทางหลวงหมายเลข 41 จนถึงจังหวัดพัทลุง ระยะทาง 840 กิโลเมตร

เส้นทางที่ 3 ตามทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 403 จากนั้นจึงเข้าทางหลวงหมายเลข 41 ที่ชุมทางเขาชุมทอง จนถึงพัทลุง 

รถไฟ
การรถไฟแห่งประเทศไทย มีรถไฟผ่านอำเภอเมือง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง รายละเอียดสอบถาม โทร. 1690, 0 2223 7010, 0 2223 7020 สถานีรถไฟพัทลุง โทร. 0 7461 3106 www.railway.co.th

รถโดยสารประจำทาง
บริษัท ขนส่ง จำกัด มีบริการเดินรถกรุงเทพฯ – พัทลุง ทุกวัน มีรถออกที่สถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 2434 5557-8, 0 2435 1199, 0 2435 1200 www.transport.co.th

เครื่องบิน
จังหวัดพัทลุงไม่มีสนามบิน นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ตรังหรือ กรุงเทพฯ-หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและ ต่อรถโดยสารไปพัทลุง

ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่าง ๆ

อำเภอควนขนุน 17 กิโลเมตร
อำเภอเขาชัยสน 28 กิโลเมตร
อำเภอปากพะยูน 66 กิโลเมตร
อำเภอกงหรา 40 กิโลเมตร
อำเภอตะโหมด 39 กิโลเมตร
อำเภอป่าบอน 50 กิโลเมตร
อำเภอศรีบรรพต 35 กิโลเมตร
กิ่งอำเภอบางแก้ว 10 กิโลเมตร
กิ่งอำเภอป่าพะยอม 32 กิโลเมตร

tour-map

แผนที่ จังหวัดพัทลุง

tour-map-phatthalung
แผนที่ตัวเมือง จังหวัดพัทลุง นิววิวทัวร์

tour-map-phatthalung-2
แผนที่ท่องเที่ยว จังหวัดพัทลุง นิววิวทัวร์


tour-weather

ภูมิอากาศ จังหวัดพัทลุง

สภาพภูมิอากาศมี 2 ฤดูกาล คือ ฤดูร้อน และ ฤดูฝนได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และ มรสุม

ลักษณะอากาศทั่วไป
จังหวัดพัทลุงอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมที่พัดประจำเป็นฤดูกาล 2 ชนิด คือ ฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือหรือฤดูหนาวจะมีลมจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นลมแห้งจากประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้ภาคต่าง ๆ ทางตอนบนของประเทศตั้งแต่ภาคกลางขึ้นไป มีอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้งทั่วไป แต่ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปรวมถึงจังหวัดพัทลุงกลับมีฝนตกชุกเพราะลมมรสุมนี้พัดผ่านอ่าวไทย จึงพาเอาไอน้ำไปตกเป็นฝนทั่วไป อากาศจึงไม่หนาวเย็นดังเช่นภาคอื่น ๆ ที่อยู่ตอนบนของประเทศ แต่อาจมีอากาศเย็นเป็นครั้งคราว ลมมรสุมอีกชนิดหนึ่งคือลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งพัดผ่านมหาสมุทรอินเดีย จึงได้พาเอาไอน้ำและความชุ่มชื้นมาสู่ประเทศไทย แต่เนื่องจากเทือกเขาตะนาวศรีซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกกันกระแสลมไว้ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกและจังหวัดพัทลุงมีฝนน้อยกว่าภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลม

อุณหภูมิ
จังหวัดพัทลุงอยู่ใกล้ทะเล ฤดูร้อนมีอากาศไม่ร้อนมากนัก ส่วนฤดูหนาวไม่ถึงกับหนาวจัด อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 27 – 28  ซ. อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31 – 32  ซ. อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 23 – 24  ซ. เดือนที่มีอากาศร้อนที่สุดคือเดือนเมษายน เคยตรวจอุณหภูมิสูงที่สุดได้ 38.2 ซ. เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2519 และตรวจอุณหภูมิต่ำที่สุดได้ 19.1 ซ. เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2504

ความชื้นสัมพัทธ์
ความชื้นสัมพัทธ์สัมพันธ์กับมวลอากาศและอิทธิพลของลมมรสุมเป็นสำคัญ เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากมรสุมทั้งสองฤดู คือมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มรสุมทั้งสองชนิดนี้ก่อนที่จะพัดเข้าสู่บริเวณจังหวัดได้พัดผ่านทะเลปละมกาสมุทรจึงได้พาเอาไอน้ำและความชุ่มชื้นมาด้วย ทำให้มีความชื้นสัมพัทธ์สูง ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยตลอดปีประมาณ 79 % ความชื้นสัมพัทธ์สูงสุดเฉลี่ย 92 % ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำสุดเฉลี่ย 66 % เคยตรวจความชื้นสัมพัทธ์ต่ำที่สุดได้ 36 % ในเดือนมีนาคม
และเมษายน

ฝน
พัทลุงจัดว่าเป็นจังหวัดที่มีฝนค่อนข้างดีของภาคใต้ ในฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนตกชุกมากกว่าในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เพราะอยู่ทางด้านตะวันออก ไม่มีภูเขาสูงปิดกั้น จึงได้รับมรสุมเต็มที่ทำให้มีฝนตกชุกโดยเฉพาะระหว่างเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ส่วนในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีฝนน้อยกว่าฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือเพราะมีเทือกเขาตะนาวศรีปิดกั้นทำให้ได้รับกระแสลมไม่เต็มที่ ฝนเฉลี่ยประมาณ 2,093.8 มิลลิเมตร และมีฝนตกประมาณ 159 วัน เดือนที่มีฝนตกมากที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน มีฝนตกเฉลี่ยประมาณ 582.6 มิลลิเมตร และมีฝนตกประมาณ 23 วัน เคย
วัดฝนสูงสุดใน 24 ชั่วโมงได้ 329.4 มิลลิเมตร เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2519

จำนวนเมฆ
ตลอดทั้งปีมีจำนวนเมฆเฉลี่ย 6 ส่วนของจำนวนเมฆ 8 ส่วนในท้องฟ้า ในฤดูร้อนมีเมฆเฉลี่ยประมาณ 5 ส่วน ฤดูฝนมีเมฆเฉลี่ยประมาณ 7 ส่วน ส่วนในฤดูหนาวมีเมฆเฉลี่ยประมาณ 6 ส่วน
หมอก ฟ้าหลัว และทัศนวิสัย
โดยเฉลี่ยแล้วจังหวัดพัทลุงเกิดหมอกได้น้อยมากประมาณเดือนละ 1 - 2 วัน วันที่เกิดหมอกทัศนวิสัยเลวเห็นได้ไกลไม่เกิน 1 กิโลเมตร ส่วนฟ้าหลัวเกิดทุกเดือนตลอดปี ในเดือนหนึ่ง ๆ จะมีฟ้าหลัวประมาณ 2 – 12 วัน เดือนกุมถาพันธ์ มีนาคม และเมษายน เกิดมากที่สุดประมาณ 10 – 12 วัน วันที่มีฟ้าหลัวทัศนวิสัยเห็นได้ไม่ไกลประมาณ 7 กิโลเมตร ทัศนวิสัยเฉลี่ยเวลา 07.00 น. ประมาณ 11 กิโลเมตร และเฉลี่ยตลอดวัน 13 กิโลเมตร

ลม
จังหวัดพัทลุงมีลมพัดผ่านประจำตลอดปีดังนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน เป็นลมทิศตะวันออก ความเร็วเฉลี่ย 13 – 22 กม./ชม. เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมเป็นลมทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็วลมเฉลี่ย 9 – 11 กม./ชม. กำลังลมสูงที่สุดเคยตรวจได้มีดังนี้ ฤดูร้อนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 124 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันออกในเดือนมีนาคม ฤดูฝนเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 130 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันตกค่อนไปทางใต้เล็กน้อยในเดือนมิถุนายน ส่วนในฤดูหนาวเคยตรวจลมสูงที่สุดได้ 141 กม./ชม. เป็นลมทิศตะวันออกในเดือนพฤศจิกายน

พายุหมุนเขตร้อน
พายุหมุนเขตร้อนที่ผ่านบริเวณภาคใต้และทำความกระทบกระเทือนให้กับจังหวัดพัทลุง ส่วนมากเป็นพายุดีเปรสชั่น ซึ่งเกิดจากทะเลจีนใต้และมหาสมุทรแปซิฟิค ทำให้มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงเป็นครั้งคราว บางครั้งทำให้เกิดน้ำท่วมได้ กำลังแรงของลมและคลื่นในทะเลจะทำอันตรายแก่เรือขนาดเล็ก และอาคารบ้านเรือนที่อยู่ตามชายฝั่ง พายุที่มีความรุนแรงและทำความกระทบกระเทือนให้แก่จังหวัดพัทลุงและภาคใต้เป็นบริเวณกว้าง ได้แก่พายุโซนร้อน “ฮาเรียต” ซึ่งก่อตัวในทะเลจีนใต้ใกล้ปลายแหลมญวน เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2505 แล้วเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวไทยพร้อมทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และได้เคลื่อนตัวผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และสงขลา ระหว่างวันที่ 25 – 26 ตุลาคม 2505 ลงสู่ทะเลอันดามัน พายุนี้ได้ทำความเสียหายเกือบทุกจังหวัดในภาคใต้โดยมีผู้เสียชีวิตถึง 935 คน และบาดเจ็บ 445 คน ทรัพย์สินของราชการและเอกชนเสียหายคิดเป็นมูลค่าถึง 1,320 ล้านบาท นับเป็นความเสียหายจากภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยนอกจากนี้ยังมีพายุดีเปรสชั่นเคลื่อนตัวผ่านจังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2520