Ja Anion
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี
- รายละเอียด
- สร้างเมื่อ: วันศุกร์, 09 พฤศจิกายน 2555 16:03
- เขียนโดย Bim
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร
ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร มีทางเลี้ยวซ้ายก่อนถึงอำเภอ พระพุทธบาท เข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ปูชนียสถานที่สำคัญคือ "รอยพระพุทธบาท" ที่ประทับไว้ บนแผ่นหินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี ลักษณะของรอยพระบาทคล้ายเท้าคนกว้าง 21 นิ้ว ยาว 5 ฟุต ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอย พระบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลายสมัย
ลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบสีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกรับโดยรอบ ฝาผนังด้านนอกปิดทองประดับกระจก เป็นรูปเทพพนม มีพุ่มข้าวบิณฑ์ บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรมประดับมุกชั้นเยี่ยม ของเมืองไทย ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสาย ซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์ หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย
เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีเป็นการแผ่ส่วนกุศลแก่ เพื่อนมนุษย์ทั้งหลายพระอุโบสถ และพระวิหารต่าง ๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ผู้ที่ได้มีโอกาสไปสักการะรอยพระพุทธบาทถึง 7 ครั้ง ด้วยความศรัทธาจะได้ขึ้นสวรรค์.." คือความเชื่อทางพุทธศาสนาของชาวไทย รอยพระพุทธบาท คาดว่าค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม บันไดทางขึ้นสร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ลักษณะเป็นนาคสามสาย ทอดชนานกับหัวบันไดเป็นรูปเศียรพญานาคหน้าเศียรนามว่ามุจลินทร์ โดยสายที่ 1 จากด้านซ้ายถือเป็นบันไดเงิน สายที่ 2 เป็นบันไดแก้ว และสายที่ 3 เป็นบันไดทอง เชื่อกันว่าหากปรารถนาเงินให้ขึ้นบันไดเงิน ปรารถนาทองให้ขึ้นบันไดทอง และปรารถนายศฐาบรรดาศักดิ์ หรืออื่นๆ (ส่วนใหญ่จะปรารถนาด้านคู่ครอง) ให้ขึ้นบันไดแก้ว โดยให้กลั้นหายใจพร้อมกล่าวคำอธิษฐานจนถึงบันไดขึ้นบนสุด
เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดให้สร้างพระมณฑป พร้อมกับ ทรงสร้างพระอารามขึ้นแล้ว จึงมีพระบรมราชโองการ ทรงกำหนด งานสำหรับให้บรรดาประชาชนขึ้นไปมนัสการรอยพระพุทธบาทนั้น กับรับสั่งให้จัดงานนักขัตฤกษ์เพื่อให้ประชาชนได้เกิดความรื่นเริง ภายหลังจากที่ได้มีศรัทธาน้อมนมัสการแล้ว โดยกำหนดให้จัดงาน ในเดือน 3 ครั้งหนึ่ง และในเดือน 4 อีกครั้งหนึ่ง เป็นประเพณี นับตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา โดยงานเทศกาลเดือน 3 เริ่มงานตั้งแต่ วันขึ้น 1 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 (เพ็ญเดือน 3) รวม 15 วัน ส่วนเทศกาลในเดือน 4 เริ่มตั้งแต่ วันขึ้น 8 ค่ำ ถึง ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (เพ็ญเดือน 4) รวม 8 วัน แต่ในยุคปัจจุบัน ในเทศกาลทั้ง 2 เดือน ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง โดยถือเอาวันตรุษจีนเป็นเกณฑ์ เช่นในปีใดตรุษจีนตรงกับเดือน 4 ก็จะ ให้เปลี่ยนเทศกาลเดือน 3 เป็นเริ่มจากวันขึ้น 8 ค่ำถึง ขึ้น 15 ค่ำ เดิน 3 สลับกันไป
การกำหนดเวลาเพื่อเปิดพระมณฑปให้ประชาชนได้ขึ้นไป นมัสการในเทศกาลเดือน 3 และเทศกาล เดือน 4 จะเริ่มเปิดเวลา 06.00 น. จนถึง 19.00 น. จากนั้นเวลา 20.00 น. จะเป็นเวลาที่พระภิกษุกสงษ์ ที่เดินทางมาจาริกแสวงบุญ ได้ขึ้นไปนมัสการไหว้พระและสวดมนต์ ส่วนในวันปกติ ธรรมดา จะเปิดให้ ประชาชนทั่วไปได้ขึ้นไปนมัสการ พระพุทธบาท ทุกวันในเวลา 06.00-18.00 น.
ปัจจุบันงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาทมีพุทธศาสนิกชน ทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางมานมัสการ พระพุทธบาท เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่ตรงกับ ตรุษจีนจะมี ชาวไทยเชื้อสายจีนเดินทาง มานมัสการมากเป็นพิเศษ จนลานวัดที่กว้างขวางแลดูแคบไปถนัดตา