รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

เทียนพรรษาเมืองอุบลกับจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไท-ลาว อุบลราชธานี

สารบัญ

เทียนพรรษาเมืองอุบลกับจุดเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไท-ลาว สู่วัฒนธรรมหลวงกรุงเทพฯ
วันเข้าพรรษาชาวอีสานนิยมเรียกว่า “บุญเดือนแปด” เป็นช่วงเวลาที่พระสงฆ์ต้องอยู่จำอาวาสแห่งเดียวตลอด ๓ เดือน ในช่างฤดูฝน โดยอุบาสก อุบาสิกาจะนำต้นเทียนมารวมกันในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ สำหรับเทียนมีรูปสัญลักษณ์เป็นเล่มหรือมัดรวมกันเป็นต้น หรือหล่อต้นเทียนด้วยขี้ผึ้ง เรียกว่า เทียนเล่มหรือเทียนต้น ถวายแด่พระสงฆ์ในวันเข้าพรรษาเพื่อให้พระสงฆ์นำไปจุดบุชาพระรัตนตรัยตลอดพรรษาจึงก่อเกิดงานบุญประเพณีเทียนพรรษา ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งขององค์พิธีบุญเข้าพรรษาเท่านั้น โดยยังมีกิจกรรมสำคัญอื่นๆ เช่น การทำบุญตักบาตร การบวชนาค ฟังพระธรรมเทศนา ถวายผ้าอาบน้ำฝน เป็นต้น ในส่วนของพระภิกษุสามเณร จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และปฎิบัติศาสนกิจอย่างเต็มที่ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน อุปสรรคอย่างหนึ่งของการศึกษาพระธรรมวินัยก็คือ แสงสว่างในเวลากลางคืน จึงเป็นปฐมเหตุหนึ่งอันสำคัญที่เป็นที่มาของการนำเทียนไปถวายวัดในเทศกาลเข้าพรรษา ความนิยมดังกล่าวคงมีมาแต่ครั้งโบราณสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani

รูปลายเส้นวาดจากรูปถ่ายของหอจดหมายเหตุแสดงประเพณีการแห่เทียนโบราณ สันนิษฐานว่า เป็นแบบเทียนมัดรวมติดลาย โดยมีต้นเทียนเป็นองค์ประธาน ตกแต่งด้วยซุ้มมลฑป เครื่องยอดแบบศิลปะพื้นถินไท-ลาว แบบอย่างลักษณะเดียวกับมลฑปนกหัสดีลิงค์ มีคุณค่าทาง ศิลปะที่สะท้อนรากเหง้าของวัฒนธรรมพื้นถิ่น บนพื้นฐานแห่งความพอเพียงภายใต้กรอบแห่งบริบทแวดล้อม

เทียนพรรษาเมืองอบลกับคุณค่าทางศิลปะพื้นถิ่น
ศิลปะพื้นถิ่น ตามกรอบแนวคิดทางมนุษยวิทยาที่อธิบายเชืงโครงสร้างทางสังคมประกอบด้วย ศิลปะสองระดับ คือ “ระดับพื้นเมือง” กับ “ระดับพื้นบ้าน” โดยคำว่า “พื้นเมือง” หมายถึง ศิลปะที่มีรูปนบบแพร่หลายอย่างกว้างๆ จนเป็นลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของหลายๆ ท้องถิ่น จะเห็นได้ชัดเจนว่า การปรับเปลี่ยนสถานภาพจากศิลปะพื้นบ้านมาเป็นศิลปะพื้นเมืองต้องสอดคล้อง กับ การผลิตแบบมวลรวม(Mass production) เเละ การได้ร้บอิทธิพลจากประเพณีหลวง สำหรับคำว่า “พื้นบ้าน” หมายถึีง ศิลปะอื่นที่มีรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มในวงแคบกว่าศิลปะแบบพื้นเมืองจะอาศัยแรงงานวัสดุที่มีอยู่ในทัองถิ่นเป็นหลัก อีกทั้งฝีมือช่างก็เป็นคนท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า ช่างราษฎร์ ก็คือชาวบ้านนั้นเอง ซึ่งอาจจะได้รับอิหธิพลรูปแบบจากประเพณีหลวงบ้าง แต่ช่างได้รังสรรค์เป็นผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นนั้นๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นศิลปะพี้นบ้านบริสุทธิ์ ประกอบด้วยตัวแปรต่างๆ ดังต่อไปนี้

๑ ทรัพยากรทางด้านวัตถุดิบหรึอวัสดุและเทคโนโลยีที่มีอยู่ในท้องถิ่น
๒ สภาพภูมิอากาศ ภูมิประเทศ การขนส่งและการคมนาคม
๓ ลักษณะคติความเชื่อและวิถีการดำเนินชีวิตแต่ละกลุ่มชาติพันธ์
๔ สภาพทางเศรษฐกิจเเละระบบโครงสร้างทางส้งคม
๕ ป้จจัยทางดัานประวัติศาสตร์และอิทธิพลทางการเมือง การปกครอง ทั้งจากภายในและภายนอก

ภูมิหลังเทียนพรรษาเมืองอุบล
เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ซึ่งเป็นสมัยที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้หลวงต่างพระองค์ผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวกาวในยุคนั้น ซึ่งแต่เดิมในระยะแรกของการสร้างบ้านแปงเมืองนั้น ใช้ระบบการปกครองแบบล้านช้าง คือ การกำหนดผู้ปกครองบ้านเมืองเป็นคณะอาญาสี่หรืออาชญาส่u ซึ่งมีอยู่ ๔ ตำแหน่งคือ ๑.เจ้าเมือง ๒.อุปฮาด ๓.ราชวงศ์ ๔.ราชบุตร ซึ่งเป็นกลุ่มชนชั้นปกครองสายสกุลเจ้าเมืองเก่าในอดีตที่มีความเข้าใจในวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญ คือ ในช่วงเป่ลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบเจ้าเมืองมาเป็นการแต่งตั้งข้าหลวงใหญ่จากราชสำนักกรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงพิชิตปรีชากร และสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ได้มีการปรับปรุงการปกครองให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการปกครองท้องที่ร.ศ. ๑๑๖ โดยการตั้งทำเนียบข้าราชการมลฑลลาวกาวใหม่ ให้เหมือนกับทำเนียบข้าราชการมลทลชั้นในอื่น ๆ กล่าวคือ ให้ยกเลิกตำแหน่งเจ้าเมือง อุปฮาด ราชวงศ์ และราชบุตร โดยให้เรียกชืื่อตำแหน่งใหม่ของเจ้าเมืองว่า “ผู้ว่าราชการเมือง” อุปฮาด เรียกใหม่ว่า “ปลัดเมือง” ราชวงศ์ เรียกว่า “ยกกระบัตรเมือง” และราชบุตร เรียกว่า “ผูช่วยราชการเมือง” ทั้งนี้ มีท้าวโพธิสาร (เสือ ณ อุบล) เป็นพระอุบลเดชประชารักษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองคนแรก (อุบลราชธานี ๒๐๐ ปี ๒๕๓๕)

จุดเปลี่ยนโดยเฉพาะช่วงสมัยพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาได้มีการจัดงานบุญบั้งไฟ (อันเป็นประเพณีดั้งเดิมท้องถิ่นของผู้คนในสายวัฒนธรรมไทย-ลาว) ทุกคุ้มบ้านจะนำบั้งไฟมารวมกันที่วัดหลวงริมแม่น้ำมูล ภายในงานได้มีการดื่มสุรายาเมาและขบวนพิธีที่แสดงการละเล่นเรื่องเพศ ที่แลดูจะเป็นเรื่องบัดสีบัดเถลิง อีกทั้งรูปแบบการละเล่นที่แลดูรุนแรงสกปรกในสายตาผู้ปกครองจากราชสำนักกรุงเทพฯ ซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พระองค์จึงสั่งห้ามมิให้จัดงานบุญบั้งไฟในเขตเมืองอุบล (เฉพาะในเขตพื้นที่อำเภอเมืองอุบล) และได้เปลี่ยนจากงานบุญบั้งไฟมาเป็นการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาแทน ซึ่งจุดนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนจากประเพณีพื้นถิ่นบุญบั้งไฟที่เคารพนับถือผี (พญาแถน) ของวัฒนธรรมชาวบ้านที่มีความสัมพันธ์กับความเชื่อ ทั้งในเรื่องสวัสดิภาพของหมู่บ้าน และการทำมาหากินของชาวบ้าน

tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani

ภาพงานประเพณีบุญบั้งไฟอันเป็นประเพณีที่ผสมผสานระหว่างลัทธิพราหมณ์ ลัทธิิการเซ่นไหว้ถือผี และพุทธศาสนาเข้าด้วยกัน ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของผู้คนในแถบนี้ โดยเฉพาะกลุ่มวัฒนธรรมไท-ลาว อยู่ในฮีีตสิบสองที่เรียกว่าบุญเดือนหก โดยเชื่อว่าการจุดบั้งไฟเป็นสัญญาณเตือนให้พญาแถนได้รู้ว่าถึงฤดูทำนาแล้ว ให้พญาแถน บันดาลให้ฝนตก และให้มืปริมาณพอเพียงแก่การปลูกพืชพันธุ์ธัญญาหาร

นอกกจากนี้ ประเพณีดังกล่าวคือภาพสะท้อนความเชื่อที่สัมพันธ์กับสังคมและชุมชนอย่างแนบแน่น เช่นความสนุกสนาน การร้องรำทำเพลง กินดื่ม และการละเล่นทางเพศ ดังนั้นในงานบุญบั้งไฟจึงเป็นศช่วงเวลาแห่งการปลดปล่อย ภายใต้บรรยากาศแห่งประเพณีพิธีกรรมอันเป็นการละลายพฤติกรรมที่ถอกกดดันหวงห้ามในช่วงเวลาปกติ โดยจะไม่มีการถือสาหาความ เฉกเช่นงานคาร์นิวัลของหมู่เกาะอินเดียตะวันตก ซึ่งคนต่ำต้อยจะแสดงเป็นเจ้านายในรูปแบบของการล้อเลียน ร้องเพลงเหยียดเสียดสี และการแสดงที่ไม่เหมาะสมทางเพศกับเจ้านาย หรือสา์มารถแสดงตนเป็นกษัตริย์หรือปีศาจได้หนึ่งวัน ประเพณีบุญบั้งไฟของกล่มลาวเวียงจันทร์ และกลุ่มลาวอีสานของไทย สะท้อนความเชื่อเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์ที่แสดงผ่านสัญลักษณ์ทางเพศอย่างชัดเจน และหลากหลาย นอกจากการจะจำลองอวัยวะเพศชายแล้วยังมีตุ๊กตา ชายหญิงในท่าร่วมเพศ ยายแก้ว หรือรูปท้าวผาแดงนางไอ่ ตุ๊กตาสัตว์ในท่าร่วมเพศ “ลิงเด้าไม้” และการใช้สัญลักษณ์ทางวาทะ คือคำเซิ้งที่ว่าด้วยเรื่องเพศอย่างหยาบคาย เพื่อให้เทวดาโกรธจะได้ส่งฝนลงมา อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นต้น ทั้งหมดนี้ คือกรอบประเพณีความเชื่อของท้องถิ่นที่ผู้ปกครองมองคนละด้าน โดยเอามาตรฐานจากส่วนกลางมาเป็นกรอบแนวคิด และปรับเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นให้กลายมาเป็นประเพณีหลวงแบบอย่างกรุงเทพฯ อันเป็นพิธีของพุทธ ซึ่งวิวัฒนาการมาสู่งานประเพณีแห่เทียนของเมืองอุบล

ทัวร์แนะนำ

  1. เหมากรุ๊ป Team Building
  2. เหมากรุ๊ป CSR
  3. เหมากรุ๊ป Team Building และ CSR
  4. เหมากรุ๊ปทัวร์ในประเทศ
  5. เหมากรุ๊ปทัวร์เอเชีย

ศูนย์รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับในประเทศและโซนเอเชีย

นิววิวทัวร์ รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

เชื่อถือได้

เราเป็นบริษัทที่ทำด้านการท่องเที่ยวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีลูกค้าต่างๆมากมาย ซึ่งเชื่อมั่นในคุณภาพของการดำเนินงานของเรา

ราคาคุ้มค่า

ทุกแพ็คเก็จทัวร์มีรายละเอียดและแผนงาน ที่ทำให้คุ้มค่ากับทุกบาทที่ลูกค้าเลือกเรา

บริการต่อเนื่อง

 เมื่อมีโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือ ทัวร์น่าเทียว เราจะแจ้งให้ทราบตามส่วนติดต่อที่ระบุไว้ให้กับเรา 

ข้อมูลเพิ่มเติม

เราทีทีมงานที่พร้อมให้ข้อมูลกับลูกค้าทุกท่าน เพียงแค่โทรหาเรา

นิววิวทัวร์พาเที่ยว

กับผลงานการจัดทัวร์บางส่วนของความมุ่งมั่นในการให้บริการจากเราและการอุปการะคุณที่ดีของลูกค้าที่ผ่านมาโดยตลอด

คำยืนยันลูกค้า

คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์