สวนหลวง ร.9 นครพนม
สวนหลวง ร.9
สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชสักการะ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนม พรรษาครบ 5 รอบเป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถาน
ที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองนครพนมทางด้านทิศเหนือ
ที่ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองแสงบริเวณระหว่างหลักกิโลเมตรศูนย์ถึงกิโลเมตรที่ 1 ของถนนสายนครพนม-ท่าอุเทน
ประวัติหนองแสงเป็นแหล่งน้ำขนาดเล็กเนื้อที่ประมาณ100000 ตารางเมตรเป็นแหล่งน้ำที่ชาวบ้านหนองแสงบ้านโพนสว่าง บ้านกกต้อง บ้านท่าควาย และบ้านหนองบึกใช้เป็นแหล่งทำมาหากินด้วนการหาปลาและเก็บผัก น้ำที่อุดมสมบูรณ์มาหลายชั่งอายุคน อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่เอื้อต่อการดำรงชีวิตของวัวควาย ที่ต้องอาศัยแหล่งน้ำแห่งนี้มาโดยตลอดอาณาเขตของหนองแสง ทิศเหนือหนองน้ำขึ้นไปจะเป็นแหล่งน้ำแห่งนี้มาโดยตลอดอาณาเขตของหนองแสงทิศเหนือหนองน้ำขึ้นไปจะเป็นชุมชนของชาวญวนอพยพเมือครั้งเกิดสงครามเดียนเบียนฟูได้มาอาศัยอยู่ จะเป็นป่าเสียส่วนใหญ่และชาวญวนได้อาศัยหนองแสงนี้เป็นแหล่งทำมาหากินและประกอบอาชีพปั้นอิฐมอญจำหน่ายซึ่งจะมีปรากฏ เป็นหลุมเผาอิฐขนาดใหญ่ 3 แห่ง ในบริเวณหนองแสง ด้านทิศเหนือชาวบ้านเล่าว่า เวลาไปหาปลาในหนองแสงต้องระวังไม่ให้ตกหลุมอิฐไว้ให้มาก เพราะแต่ละหลุมมีขนาดลึกมาก ด้านทิศตะวันออกของหนองแสงจะเป็นที่ตั้งของโรงสีไฟ ชื่อโรงสีไทยอีสาน หรือโรงสีไฟเป็นยูเซียง 2 มีชาวจีนเป็นผู้ดำเนินงาน เป็นโรงสีไฟขนาดใหญ่มากแห่งหนึ่ง ปัจจุบันเลิกกิจการไปแล้ว แต่ยังมีเสาปล่องไปปรากฏให้เห็นอยู่ ทางทิศใต้จะเป็นป่ามีบ้านเรือนบ้างเล็กน้อย ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใตเป็นคลองสามารถระบายน้ำจากหนองแสงไปสู่แม่น้ำโขงได้ เมื่อถึงฤดูฝนมีน้ำล้นหนองแสงก็จะไหลลงทางคลองนี้ ทิศตะวันตกมีป่าละเมาะมีต้นไม้นานาพันธุ์ เช่นต้นคายโซ่ ต้นหนามแท่งต้นกันเกราต้นแสงต้นพยุง และยังมีเครือเถาที่ชาวบ้านเรียกว่า พิพ่วนขึ้นเต็มไปหมด สามารถกินได้ ส่วนในหนองน้ำจะมีพืชน้ำ เช่น สันตวาแพงพวย บัวเผื่อนและหญ้าน้ำ มีปลาชุกชุมมากอีกด้วย
การเรียกชื่อหนองแสงนั้น เคยมีการศึกษาและการลอบถามจากคนแก่ ที่เล่าชานต่อกันมากก็ยังไม่มีตำนานใด ๆ ชี้ชัดแต่ชาวบ้านยืนยันว่าหนองน้ำแห่งนี้เดิม มีต้นแสงขึ้นอยู่มากมาย ต้นแสงเป็นต้นไม้ขนาดกลางชอบขึ้นอยู่ตามหนองน้ำ มีใบเล็กเขียวชอุ่มตลอดปีชาวบ้านจะนิยมเรียกชื่อหนองน้ำตามพืชที่มีมากในบริเวณหนองน้ำนั้นๆ เช่น หนองเปือยจะมีต้นเปือยหรือต้นตะแบกมาก หนองเป็นจะมีต้นเป็นมากเป็นต้น ซึ่งซื่อหนองแสงก็อาจจะมีที่มาอย่างนี้ก็อาจจะเป็นได้ เพราะหนองน้ำแห่งนี้มีต้นอยู่เป็นจำนวนมาก
ต่อมาภายหลังหนองแสงเริ่มตื้นเขินมาก เนื่องจากทางราชการและชุมชนไม่มีการขุดหลอกและพัฒนา ต้นแสงก็ถูกตัดโค่นลงมาก ป่าไม้ด้านทิศตะวันตกถูกทำลายด้วยการแผ้วถางถือครอบครองได้ ทางราชการเห็นว่าหนองแสงเป็นสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินผู้ใดจะยึดครองไปเป็นกรรมสิทธิ์ไม่ได้ จึงแจ้งให้บาทหลวงทราบต่อมาบาทหลวงเอดรัวนำลาภประจำโบสถ์คริสต์หนองแสงในขณะนั้น จึงได้ทำหนังสือเป็นทางการส่งมอบหนองแสงคืนให้แก่จึงให้แก่จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นผู้มอบจึงได้รักษาไว้เพื่อเป็นที่สาธารณประโยชน์ต่อไปในเวลาต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2507 สำนักงานเกษตรจังหวัดนครพนมได้แยกตัวจากศาลากลางจังหวัดนครพนมไปตั้งสำนักงานเป็นเอกเทศบริเวณป่าละเมาะข้างหนองแสงทางทิศตะวันตกและยังแบ่งที่บางส่วนให้สำนักงานประมงจังหวัดนครพนมไปตั้งด้วยกัน นอกจากนั้นการประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดนครพนม ก็ไปสร้างถังประปาอยู่ด้านทิศเหนือหนองแสงเล็กน้อย และเหนือประปาขึ้นไปอีก มีหน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง (นปข.) มาตั้งหน่วยปฏิบัติการขึ้นอีก ทำให้อาณาบริเวณรอบหนองแสงเริ่มมีหน่วยงานทางราชการขึ้น การที่ชาวบ้านจะใช้หนองน้ำแห่งนี้เป็นแหล่งทำมาหากินก็ไม่สะดวก ความสำคัญของหนองแสงจึงเริ่มลดลง
ในปีพ.ศ.2530ในสมัยที่นายอุทัยนาคปรีชาเป็นผู้ว่าราชการจึงหวัดนครพนมรัฐบาลมีนโยบายให้แต่ละจังหวัดสร้างสถานที่เฉลิมพระเกียรติเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมายุครบ5รอบ ทางจังหวัดนครพนมจึงได้กำหนดปรับปรุงขุดลอกหนองแสงพัฒนาเป็นสวนหลวง ร. 9ขึ้นแล้วมอบให้เทศบางเมืองนครพนมเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบในการดำเนินการจัดทำสวนหลวง ร. 9 นั้นได้งบประมาณจาก ความร่วมมือร่วมใจจากทั้งภาครัฐและเอกชนเช่นจากเงินงบประมาณของจังหวัดนครพนมสี่แสนบาทจากเทศบาลเมืองนครพนมนึ่งแสนบาทจากสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชุมชนและบริษัทต่างๆหลายแห่ง
การดำเนินงานตามโครงการนี้ได้มีการปรับปรุงแหล่งน้ำเพ่อปล่อยพันธุ์ปลาต่างโดยรอบบริเวณจะเป็นสวนสาธารณะมีพรรณไม้นานาชนิดศาลาพัดผ่อนสะพานข้ามคลองเล็กๆสวนสุขภาพประดับไฟฟ้าตามจุดต่างๆ จัดให้มีเสาไฟขนาดใหญ่ส่องสว่างทั่งอาณาบริเวณจัดทำรั้วซุ้มประตูและป้ายชื่อย่างสวยงาม เหมือนชุบอย่างสวยงาม หมือนชุบชีวิตให้หนองแสงฟื้นขึ้น
ในปี2540นายองอาจทิพย์โฆษิตคุณเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองนครพนมพร้อมคณะได้จัดทำโครงการพัฒนาสวนหลง ร.9จังหวัดนครพนมโดยของประมาณจากว่านกลางเพื่อมาปรับปรุงพัฒนาสวนหลวง ร.9ให้สมบูรณ์แบบในทุกด้านแล้วก็ได้รับอนุมัติจากทางการเป็นจำนวนเงิน 27ล้านบาท (ยี่สิบเจ็ดล้านบาท) จึงได้ดำเนินการก่อสร้างในปื พ.ศ.2541ในยุคของนายพิศิษฐ์ ปิติพัฒน์ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองนครพนมเมื่อดำเนินการก่อสร้างสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วสภาพ และบริเวณสวนหลวง ร.9จังหวัดนครพนม ก็จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจของประชาชนทั่ว ๆไปทั้งจะเป็นสถานที่เชิดหน้าชูตาอีกแห่งของจังหวัดนครพนม
ชื่อของหนองแสงที่หมายถึงหนองน้ำ หรือแหล่งน้ำตามที่มีแระวัติเล่ามานั้นคงจะไม่มีอีกแล้วหนองแสงจะเหลือเป็นเพียงชื่อหมู่บ้านหรือชื่อตำบลหนองแสงในทะเบียนราษฎร์เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตามแม้หนองแสงจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาสู่สวนหลวงร.9ในปัจจุบันก็ตามก็ตามชาวบ้านหนองแสงหรือชาวตำบลหนองแสงนั้น แม้จะเสียดายหนองน้ำที่เคยเลี้ยงชีวิตพวกเขามาตั้งแต่อดีตหลาบชั่วอายุคนจะต้องสูญหายเหลือเพียงตำนานก็ตาม แต่การพัฒนามาเป็นสวนหลวงร.9เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้วไซร้ชาวบ้านหนองแสงมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ในบุญบารมีของหนองแสงที่ทำภาระหน้าที่เพื่อพ่อผู้เป็นพระประมุขของชาติไปตราบนานเท่านาน
คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณวิสุดา (สมาร์ทคอสท์) กิจกรรมระยอง 2 วัน 50ท่าน Part 3
17886 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปอาป๊า (สหเรือง) กิจกรรมเฉินตู 6 วัน 10ท่าน
19293 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปทัวร์เวียดนามใต้ (บจก. นิฮอน สุพีเรีย) 24 ท่าน Part1
16766 Views