อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท อุดรธานี
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท นับเป็นสถานที่ ท่องเที่ยวไทย ที่น่าเดินทาง ไปเที่ยว โดยเฉพาะสถานที่แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึง แหล่งอารยธรรมอันมีความเก่าแก่ ของมนุษยชาติ รวมถึงสภาพของการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ ตามกาลเวลา ที่มีการกัดกร่อนทางธรรมชาติ ทำให้เกิดเป็นโขดหิน มีรูปร่างต่างๆ นานาสร้างความ ประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว ที่ได้เดินทางมาเที่ยวเป็นอย่างมาก
ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 3,430 ไร่ ในเขตบ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อยู่ห่างจากตัวจังหวัดระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2021 ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตรแยกขวาประมาณ 500 เมตร และตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 2348 อีกประมาณ 12 กิโลเมตร มีแยกขวาเป็นทางเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร
จะถึงที่ตั้งอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ถนนเป็นทางลาดยาวตลอดในบริเวณใกล้เคียงกันเป็นถ้ำ และอุทยานธรรมชาติที่แสดงถึงวิวัฒนาการของธรรมชาติ และอารยธรรมของมนุษย์บริเวณอุทยานประวิติศาสตร์ภูพระบาทสถานที่น่าสนใจซึ่งสามารถเดินชมได้ในระยะทางทั้งใกล้และไกลตามที่จะมีเวลา เช่น ถ้ำลายมือ ถ้ำโนนสาวเอ้ ถ้ำคน ถ้ำวัวแดง (ซึ่งถ้ำเหล่านี้สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่พำนักของมนุษย์สมันหินซึ่งได้เขียนรูปต่างๆ ไว้เช่น รูปคน รูปมือ รูปสัตว์ และรูปลายเลขาคณิต)
นอกจากนั้นยังมีลานหินที่สวยงามคือ หินโนนสาวเอ้ ซึ่งธรรมชาติได้สร้างเพิงหินต่างๆ ไว้ทำให้มนุษย์รุ่นหลังๆ ได้จินตนาการผูกเป็นเรื่องตำนานพื้นบ้านคือเรือง “นางอุษา – ท้าวบารส” เพิงหินที่สวยงามเหล่านี้ได้แก่ คอกม้าท้าวบารส หอนางอุษา บ่อน้ำนางอุษา นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนหลักเสมาหินทราย จำหลักพระพุทธรูปศิลปะสมัยทวาราวดี ที่เพิงหิน วัดพ่อตา และเพิงหินวัดลูกเขยปัจจุบันมีถนนลาดยางถึงที่ทำการ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทและบริเวณพระพุทธบาทบัวบก นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมแหล่งท่องเที่ยวโบราณคดีตามจุดต่างๆ ซึ่งมีทางเดินเชื่อมถึงกัน
สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ชอบการท่องเที่ยวทางโบราณคดี ตลอดจน ศึกษาประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของมนุษยชาติ สถานที่ท่องเที่ยว อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่ท่านไม่ควรพลาด การเดินทางมาท่องเที่ยว นอกจากสถานที่แห่งนี้ มีร่องรอยของอารยธรรม ตั้งแต่ครั้งอดีตกาล อีกทั้งประชาชนชาวจังหวัดอุดรธานี ยังมีความเชื่อกันว่า สถานที่แห่งนี้ มีความเกี่ยวข้องกับ นิทานพื้นบ้าน ของภาคอีสานเรื่องอุสาบาสร เนื่องจากมีชื่อเรียกโบราณสถานต่างๆ ในเรื่องเช่น คอกม้าท้าวบาสร หอนางอุสาเป็นต้น นอกจากจะเป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่ง มีความอุดมสมบูรณ์ ด้วยธรรมชาติ มีพืชพันธุ์ธรรมชาติ นานาชนิด จึงทำให้อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่สมบูรณ์แบบเหมาะสำหรับ เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อน ในวันหยุดเป็นอย่างมาก
อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่ซึ่งแสดงถึงอารยธรรมของมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ ซึ่งมีโครงสร้างส่วนใหญ่เป็นหินทรายที่ถูกขัดเกลาจากขบวนการกัดกร่อนทางธรรมชาติทำให้เกิดเป็นโขดหินน้อยใหญ่รูปร่างต่างๆกัน ปรากฏเป็นหลักฐานเกี่ยวกับชีวิตผู้คนในอดีตที่น่าสนใจหลายแห่ง อาทิ
พระพุทธบาทบัวบกตั้งอยู่บริเวณทางแยกซ้ายมือก่อนถึงที่ทำการอุทยานฯ สร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ. 2463-2477 คำว่า "บัวบก" เป็นชื่อของพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นตามป่า มีหัวและใบคล้ายใบบัว ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า ผักหนอก บัวบกนี้คงจะมีอยู่มากในบริเวณที่พบรอยพระพุทธบาท จึงเรียกรอยพระพุทธบาทนี้ว่า "พระพุทธบาทบัวบก" หรือคำว่าบัวบกอาจจะมาจากคำว่า บ่บก ซึ่งหมายถึง ไม่แห้งแล้ง รอยพระพุทธบาทมีลักษณะเป็นแอ่งลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ลงไปในพื้นหินยาว 1.93 เมตร กว้าง 90 เซนติเมตร เดิมมีการก่อมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2465 พระอาจารย์ศรีทัตย์ สุวรรณมาโจ ได้รื้อมณฑปเก่าออกแล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้นใหม่ และยังสร้างรอยพระพุทธบาทจำลองวางทับรอยพระพุทธบาทเดิมไว้ ภายในพระธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ตัวองค์เจดีย์เป็นทรงบัวเหลี่ยมคล้ายองค์พระธาตุพนม มีงานนมัสการพระพุทธบาทบัวบกในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี
พระพุทธบาทหลังเต่าตั้งอยู่ทางทิศใต้ของพระพุทธบาทบัวบก มีลักษณะเป็นรอยพระบาทสลักลึกลงไปในพื้นหิน ลึกประมาณ 25 เซนติเมตร ใจกลางพระบาทสลักเป็นรูปดอกบัว กลีบแหลมนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดและเนื่องจากพระพุทธบาทแห่งนี้อยู่ใกล้กับเพิงหินธรรมชาติรูปร่างคล้ายเต่า จึงได้ชื่อว่า “พระพุทธบาทหลังเต่า”
ถ้ำและเพิงหินต่าง ๆตั้งกระจายอยู่ทั่วไปในบริเวณอุทยานฯ แห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้ในระยะทางไม่ไกลนัก ได้แก่ ถ้ำลายมือ ถ้ำโนนสาวเอ้ ถ้ำคน ถ้ำวัวแดง (ซึ่งถ้ำเหล่านี้สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นที่พำนักของมนุษย์สมัยหินและมนุษย์เหล่านั้นได้เขียนรูปต่างๆ ไว้ เช่น รูปคน รูปมือ รูปสัตว์ และรูปรายเรขาคณิต) นอกจากนั้นยังมีลานหินที่สวยงาม คือ ลานหินโนนสาวเอ้ ธรรมชาติได้สร้างเพิงหินต่างๆ ไว้ ทำให้มนุษย์รุ่นหลังๆ ได้จินตนาการผูกเป็นเรื่องตำนานพื้นบ้าน คือ เรื่อง “นางอุสา-ท้าวบารส” เพิงหินที่สวยงามเหล่านี้ ได้แก่ คอกม้าท้าวบารส หอนางอุสา บ่อน้ำนางอุสา นอกจากนั้นยังพบชิ้นส่วนหลักเสมาและหินทรายจำหลัก พระพุทธรูปศิลปะสมัยทวาราวดี ที่เพิงหินวัดพ่อตาและเพิงหินวัดลูกเขย
ภายในบริเวณอุทยานฯทางด้านขวามือเป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและข้อมูลของอุทยานฯ รวมทั้งแผนที่และเส้นทางเพื่อความสะดวกในการเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท เปิดบริการเวลา 08.00-16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาทสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-4225-1352,0-4225-1350
การเดินทาง อยู่ห่างจากตัวจังหวัด ๖๗ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๒ (อุดรธานี-หนองคาย) กิโลเมตรที่ ๑๓ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข ๒๐๒๑ ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทาง ๔๒ กิโลเมตร เลี้ยวขวาประมาณ ๕๐๐ เมตร และตรงไปตามทางหลวงหมายเลข ๒๓๔๘ อีก ๑๒ กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ ๒ กิโลเมตร
คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - เอ้าท์ติ้ง นครนายก 1 วัน (ชูเคียว) 25 ท่าน Part 3
8933 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณธนัทถา (บจก.อนันดา ดีเวลลอปเมนท์) CSR อยุธยา 1 วัน 40 ท่าน
17317 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณนิชานันท์ (บจก. ริชี่เพลส) กิจกรรมซีเอสอาร์-ทีมบิวดิ้ง สัตหีบ 1 วัน 80ท่าน
18546 Views