วัดสำปะซิว สุพรรณบุรี
วัดสำปะซิว
ประวัติวัดสำปะซิว
วัดสำปะซิว สร้างเมื่อปีพุทธศักราช ๑๘๕๗ ยุคสมัยประวัติศาสตร์ ( อยุธยาตอนต้น) ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อพุทธศักราช ๑๘๖๐ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐๑ หมู่ ๓ ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เนื้อที่ประมาณ ๒๐ ไร่เศษ
ความเป็นมาของวัดสำปะซิว ตามประวัติ ตำนานที่มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานต่อๆกันมาว่า เดิมสถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่กองทัพไทย ใน “ องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ” ได้มาหยุดพักรบ เพื่อตรวจสอบบัญชีจำนวนทหารในกองทัพว่า มีจำนวนทหารที่สูญหายจากการทำศึกเท่าใด และมีจำนวนทหารเหลืออยู่เท่าใด ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “ สางบัญชี “ จึงตั้งชื่อวัดแห่งนี้ว่า “ วัดสางบัญชี “ เนื่องจากสาเหตุอันใดไม่ทราบ ได้ทำให้การเรียกชื่อวัดแห่งนี้ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จากชื่อว่า “ วัดสางบัญชี “ เป็น “ วัดสำปะซิว “ มาจนถึงทุกวันนี้
ตามประวัติของท่าน “สุนทรภู่” กวีเอกของไทยในรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้เดินทางไปเมืองสุพรรณบุรี เพื่อหาแร่ต่างๆ และยาอายุวัฒนะ ในขณะที่ตัวเองเป็นเพศบรรพชิต ได้เดินทางโดยทางชลมารค โดยใช้เรือแจวจากกรุงเทพมหานคร มาตามลำน้ำสุพรรณบุรี (แม่น้ำท่าจีน) เมื่อพุทธศักราช ๒๓๗๙ ได้เดินทางผ่านวัด หมู่บ้าน และสถานที่ต่างๆ ที่ได้ปลูกสร้างตามริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรีเรื่อยไป ได้พบเห็นสถานที่แห่งหนตำบลใด ที่เป็นจุดเด่น ก็จะจดบันทึก ไว้ด้วยภาษาของนักกวี เป็นโคลงสี่สุภาพ “ โคลงนิราศเมืองสุพรรณ ” มีตอนหนึ่งประพันธ์ไว้ดังนี้
สำปะทิวงิ้วง้าวสะล้าง กร่างไกร
ถิ่นท่าป่ารำไร ไร่ฝ้าย
เจ๊กอยู่หมู่ไทยมอญ ทำถั่วรั้วเอย
ปลูกผักฟักกล้วยกล้าย เกลื่อนทั่วทางขจร ( ๑๕๕ )
“ สำปะทิว “ ก็คือ “ สำปะซิว “ ในสมัยปัจจุบัน อาจจะเป็นเพราะการเรียกเพี้ยนมาจนเดี๋ยวนี้ ที่เชื่อเช่นนั้นเพราะ ท่านสุนทรภู่ ได้พรรณนาถึงวัดกับบ้าน และบางต่างๆ เรื่อยมาตามลำน้ำสุพรรณบุรี ก่อนที่จะถึงบ้านสำปะซิว ได้กล่าวถึง โพคลาน (โพธิ์คลาน) ศรีษะเวียง (หัวเวียง) โพหลวง (พลูหลวง) ซึ่งชื่อดังกล่าวนี้อยู่ใต้บ้านสำปะทิว และมีอาณาเขตติดต่อกันเป็นช่วงๆ จึงไม่มีปัญหากับคำว่า “ สำปะทิว “ ก็คือ “ สำปะซิว “ นั่นเอง
สถานที่ที่มีการขุดพบพระเครื่อง และพระบูชานั้น เป็นเขตติดต่อกับเขตวัดสำปะซิว ซึ่งบังเอิญมีผู้ขุดพบกรุพระเครื่องกรุนี้ขึ้น คนที่ขุดพบกรุพระนี้ชื่อ นายดี หรือ นายจิระ มาแสง ซึ่งที่ตั้งของกรุพระนี้อยู่ริมรั้วบ้านเหนือของวัดสำปะซิวเพียงไม่ถึงเส้น แต่มีพระกรุอีกจำนวนมาก ที่ขุดค้นพบในเขตวัด ส่วนทางทิศใต้ของเขตวัดนั้น ได้มีการขุดพบพระเครื่องสมัยลพบุรีนับสิบครั้ง เมื่อมีผู้ใดมาถามว่าพบกรุพระที่ไหน ผู้ตอบมักตอบว่า พบกรุพระที่ “ วัดสำปะซิว “ จึงมีการเรียกกันต่อไปว่า “พระวัดสำปะซิว” เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน แต่ที่ถูกควรจะเรียกว่า “ ย่านสำปะซิว “ ถึงจะชัดเจนมากกว่า ส่วนพระพิมพ์นี้ ต่อมาได้พบที่ เจดีย์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี
แต่เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ พระครูสุวรรณคุณสาร (อดีตเจ้าอาวาส) ได้พบพระกรุขึ้นอีก ตรงบริเวณเจดีย์เก่า ที่มีตราครุฑประดิษฐานหน้าเจดีย์ (สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์ที่กษัตริย์ หรือเชื้อพระวงศ์ทรงสร้างไว้) หน้าวิหารฐานสำเภา ที่สร้างสมัยอยุธยา ที่มีแห่งเดียวในอำเภอเมืองสุพรรณบุรี คือ “พระนางพญา” พิมพ์คะแนน และ “พระสมเด็จ” พิมพ์คะแนน ที่มีความสวยงามอย่างยิ่งขององค์พระ และความสวยงามของเนื้อพระ โดยค้นพบเป็นจำนวนไม่มากนัก
แหล่งโบราณคดีวัดสำปะซิวเป็นแหล่งที่ตั้งเตาเผาภาชนะดินเผา ( ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา )ซึ่งเตาเผาอิฐเป็นแบบระบายความร้อนผ่านเฉียงขึ้นซึ่งสามารถเผาภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งแบบเคลือบและแบบไม่เคลือบได้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำท่าจีนทั้ง๒ฝั่งเพราะสะดวกในการขนส่งวัตถุดิบต่างๆทางเรือนับว่าเป็นสินค้าส่งออกลักษณะของดินเกิดจากวัตถุต้นกำเนิดดินที่ถูกการเคลื่อนย้ายพัดพามาจึงทำให้ดินมีคุณภาพดีเหมาะสำหรับในการทำภาชนะดินเผาเคยขุดค้นพบเศษเครื่องสังคโลกและเครื่องถ้วยจีนซึ่งนำมาเป็นตัวอย่างในการผลิตประเภทถ้วยชามส่วนหม้อไหมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเอง
หลักฐานจากการสำรวจได้พบเตาอิฐเป็นแบบระบายความร้อนผ่านเฉียงขึ้น เป็นเตาที่พัฒนามาจากเตาดินขุด ใช้ฟืนเป็นเชื้อเพลิง แบบเป็น ๓ ส่วน คือ ๑) ห้องบรรจุเชื้อเพลิง ๒) ห้องบรรจุภาชนะ ๓ ) ปล่องไฟ
เศษภาชนะดินเผาเนื้อหยาบ เผาด้วยอุณหภูมิต่ำ เป็นภาชนะประเภทหม้อปากผาย มีลวดลายเป็นลายขุด
เศษภาชนะดินเผาเนื้อแกร่ง เผาด้วยอุณหภูมิสูง มีทั้งชนิดเคลือบสีน้ำตาล และชนิดไม่เคลือบสี ส่วนใหญ่เป็นภาชนะดินเผาไห ตกแต่งผิวภาชนะด้วยลายจุด
เครื่องสังคโลก พบน้อยกว่าเครื่องถ้วยจีน เคลือบสีเขียวทั้งด้านใน และด้านนอก เป็นภาชนะประเภทชาม
สถานที่สำคัญ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด
๑. หลวงพ่อทองสัมฤทธิ์ ได้ถูกพบ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๙๕ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณ มีมาแต่บรรพกาล สมัยทวารวดี อายุ ๑,๐๐๐ กว่าปี เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคสมัย ด้วยว่ามีพลังอานุภาพมาก แผ่รัศมีแห่งสรรพพัณรังสี ด้วยมหาเมตตาธิคุณ องค์หลวงพ่อหล่อด้วยนวโลหะเนื้อทองสัมฤทธิ์โบราณ ประกอบด้วยทองมงคล ๙ ประการ เป็นที่แตกตื่นฮือฮากันอย่างมาก แก่ผู้ที่รู้ข่าวและได้มาพบเห็นพากันมาบูชาสักการะจำนวนมาก ใครมากราบไหว้บูชาขอในสิ่งใด สำเร็จในสิ่งนั้น สมดังชื่อหลวงพ่อทองสัมฤทธิ์ มีความหมายแปลว่า สำเร็จ สมหวัง สมปรารถนา
๒. หลวงพ่อสมปรารถนา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานในอุโบสถ มีอายุ ๖๙๕ ปี เป็นที่เคารพ สักการะแด่ท่านสาธุชนทั่วไปที่มีความปรารถนาขอในสิ่งที่ตนเองตั้งใจ แล้วมักจะสมปรารถนาในสิ่งนั้น จึงมีการถวายพระนามว่าหลวงพ่อสมปรารถนา โดยเฉพาะในเรื่องหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ หรือลูกหนี้ ก็สามารถบนบานให้สมความปรารถนาได้ หลวงพ่อสมปรารถนา จึงมีพระนามอีกชื่อหนึ่งว่า หลวงพ่อสางบัญชี
๓. อุโบสถ เป็นอุโบสถหลังเก่าที่มีอายุถึง ๖๙๕ ปี โดยได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แล้วเป็นอย่างดี ภายในประดับด้วยโคมไฟแก้วเจียระไน ผนังด้านในมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยช่างฝีมือจากวิทยาลัยในวังชาย โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมฝีพระหัตถ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ที่วิจิตรสวยงามยิ่งนัก ประตู-หน้าต่างอุโบสถ เขียนภาพลายรดน้ำที่ใช้ทองคำแท้ ถือว่าเป็นภาพจิตรกรรมไทยที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสยามประเทศ
๔. วิหารฐานสำเภา (มหาอุต) เป็นวิหารที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ฐานของวิหารโค้งเหมือนฐานของเรือสำเภา เป็นสถาปัตยกรรมที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน เป็นวิหารฐานสำเภาเพียงแห่งเดียวที่มีในเมืองสุพรรณบุรี ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปหินทรายเก่าแก่ ศิลปะโบราณ ปางต่างๆเป็นจำนวนมาก
๕. เจดีย์โบราณรอบวิหารฐานสำเภา ด้านหน้า เป็นเจดีย์ที่มีความสวยงามยิ่ง หน้าบรรณทั้ง ๔ ด้านประดิษฐานตราครุฑ จึงมีการสันนิษฐานว่า เป็นเจดีย์ที่พระมหากษัตริย์ หรือเชื้อพระวงษ์ทรงสร้างไว้ เพื่อบรรจุพระอัฐิ และของมีค่า ตลอดจนพระเครื่อง จึงเป็นที่มาของกรุ พระสมเด็จ และพระนางพญา พิมพ์คะแนน ด้านข้าง สันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์ทีบรรจุอัฐิของคฤหบดี เศรษฐีผู้มั่งคั่ง โดยลักษณะของเจดีย์มีรูปแบบต่างๆกัน เช่น เจดีย์ที่เป็นรูปเรือสำเภา เป็นต้น ด้านหลัง เป็นเจดีย์สามพี่น้อง ลักษณะเป็นศิลปะสมัยกรุงศรีอยุธยา ปูนปั้น ย่อมุมไม้สิบสอง เป็นเจดีย์ที่มีความสมบูรณ์และมีความงามยิ่ง
๖. พระพุทธชินราช และ พระพุทธโสธร ( จำลอง ) พระประธานประจำหอสวดมนต์ หล่อด้วยเนื้อทองเหลือง ลงรักปิดทองคำแท้ เป็นที่เคารพ กราบไหว้บูชา ของประชาชนชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ไม่มีโอกาสไปกราบบูชาสักการะพระพุทธชินราชองค์จริง ที่จังหวัดพิษณุโลก และพระพุทธโสธรองค์จริง ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา
๗. รูปหล่อพระครูสุวรรณคุณสาร (สำรวย คเวสโก) หลวงพ่อเต๋ย อดีตเจ้าอาวาสวัดสำปะซิว รูปที่ ๗ พระผู้สร้างวัดสำปะซิวให้มีถาวรวัตถุที่มั่งคง ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ – ๒๕๔๒ เป็นที่เจริญศรัทธาของสาธุชนทั่วไป และเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาบารมี เป็นพระสงฆ์ที่ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชา เป็นอดีตบูรพาจารย์ที่สำคัญยิ่งของวัดสำปะซิว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความอัศจรรย์ด้าน ปากพระร่วง ของหลวงพ่อ
๘. พระพิฆเณศ เทพเจ้าแห่งศิลปิน “ ผู้ใดต้องการความสำเร็จ ให้บูชาพระพิฆเณศ ผู้ใดต้องการพ้นจากความขัดข้องทั้งปวง ให้บูชาพระพิฆเณศ " ( วาทะแห่งพระศิวะมหาเทพ )
๙. พระสิวลี เทพเจ้าแห่งโชคลาภ พระอรหันต์ผู้มีลาภมาก เนื้อนวโลหะ ลักษณะงดงามวิจิตรยิ่งนัก ไม่เหมือนสถานที่อื่น เป็นแบบที่ช่างฝีมือได้ปั้นขึ้นใหม่ โดยใช้ศิลปะแบบรัตนโกสินทร์ตอนต้น ผู้ใดใคร่กราบไหว้บูชา มีไว้สักการะที่บ้าน ผู้นั้นฯจะเป็น ผู้ที่มีความปรารถนาสำเร็จ ผู้มีศรัทธาควรมีไว้ติดกาย หรือประจำบ้านเรือน ผู้นั้นถือว่าจะมีโชคลาภ สักการะนานัปการ ด้วยอิทธิฤทธิ์ความอัศจรรย์ของพระสิวลี คาถา (นะโม ๓ จบ) นะชาลีติ นะติลีชา นะมามีมา นะมะหาลาภา
๑๐. อาศรมพราหมณ์พ่อปู่ชูชก รุ่น กินบ้านครองเมือง ขนาดสูง ๒ เมตรเทพเจ้าแห่งการขอได้สำเร็จ ลักษณะพิเศษของพ่อปู่ชูชก มีไม้เท้า หมายถึง มีมนุษย์คอยช่วยเหลือ ค้ำชูตลอดเวลา มีย่าม หมายถึง มีสมบัติมาก มีเงินทองมาก รักษาทรัพย์ได้ดี มีพุง หมายถึง ความสมบูรณ์ มีกิน มีใช้ ไม่อดอยาก ยากจน จึงเป็นที่มาของ คนมีเสน่ห์ มีโชคลาภมาก มีข้าวปลาอาหาร มีบ้านเรือน และบริวารมาก จะขออะไรใครเขาก็ให้ ขอให้ได้งาน ขอให้มีโชคลาภ ขอกำไรในการประกอบกิจการงานด้านต่างๆ เพื่อความสมบูรณ์ขอชีวิต และครอบครัวอันเป็นที่รัก ผู้ใดใคร่บูชาสักการะ หวังในเรื่องเสี่ยงโชค เสี่ยงลาภ ของานให้กิจการเดินหน้า ให้มาจุดธูป บนบาน กราบขอพราหมณ์พ่อปู่ชูชก เพื่อเพิ่มความสำเร็จในชีวิต และการงาน
๑๑. ศาลาเรือนแพ เป็นศาลาที่อยู่บนแม่น้ำสุพรรณ (แม่น้ำท่าจีน) สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ขัดพื้นอย่างดี เป็นสถานที่พักผ่อนกาย ให้สบายจิต เป็นที่สร้างมหาทานบารมี เพราะมีปลาจำนวนมากให้ท่านบริจาคอาหาร เป็นการต่ออายุ สืบชะตา ด้วยพุทธวจนะมงคลที่สำคัญว่า ทำบุญแล้วต้องทำทานด้วย เพื่อความเป็นศุภมหามงคลแห่งชีวิต
คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณเอ (บจก.สหเรือง) ทัวร์เวียดนามกลาง เว้ ดานัง ฮอยอัน 206 ท่าน Part1
19106 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณแหม่ม (เคอรี่ ฟลาวมิลล์)กิจกรรมเกาะช้าง 3 วัน 40ท่าน_Part 4
19326 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - อดีดผู้ว่าการเคหะ(คุณชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์)
19746 Views