รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

ประวัตินกแอร์

history-nok-air

บริษัท ซึ่งอยู่ภายใต้ชื่อทางการค้า “ นกแอร์ ” ได้กำเนิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547 ในชื่อ บริษัท สกายเอเชีย จำกัด (Sky Asia Ltd.)

“นกแอร์” จึงเป็นชื่อที่ง่าย และสั้นต่อการจดจำ โดยเป็นชื่อที่สื่อถึงความเป็นมิตร และเป็นสัญลักษณ์ของ
อิสรภาพแห่งการเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชื่อที่ย้ำถึงความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง ซึ่งก็เปรียบเสมือนนก ที่มีอิสระในการบินสามารถบินไปไหนต่อไหนได้อย่างมีอิสระเสรี

สำหรับตราสัญญาลักษณ์นั้นนกแอร์เลือกที่จะใช้สีเหลืองเป็นสีประจำสายการบินนกแอร์ โดยสีเหลืองนั้น ได้แสดงลักษณะและมีความหมายที่หมายถึงความอบอุ่นและความเป็นมิตร

และเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2549 ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “ สายการบินนกแอร์ จำกัด (Nok Airlines Co.,Ltd.)”

นกแอร์ (อังกฤษ: Nok Air) เป็นสายการบินราคาประหยัดของประเทศไทย ทำการบินภายในประเทศไทยในราคาย่อมเยา เป็นสายการบินที่บริษัท การบินไทย จำกัด (ถือหุ้น 39%) ร่วมทุนกับบริษัท หลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)) บริษัท ทุนลดาวัลย์ จำกัด (สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) และผู้ถือหุ้นอื่นๆ ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย (มหาชน) (ถือหุ้น 10%) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (ถือหุ้น 10%) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ถือหุ้น 10%)  คิงพาวเวอร์ (ถือหุ้น 5%) นายพาที สารสิน (ถือหุ้น 5%)

นกแอร์ทำตลาดระดับราคาประหยัด เครื่องบินของนกแอร์เป็นเครื่องที่แบ่งเช่ามาจากฝูงบินปัจจุบันของบริษัทการบินไทย โดยมีมาตรฐานการดูแลรักษาในมาตรฐานเดียวกันกับของการบินไทยทุกประการ ผู้โดยสารสามารถจองตั๋วได้หลายช่องทาง เช่นเคานเตอร์นกแอร์ในท่าอากาศยานปลายทางต่างๆ จองทางโทรศัพท์หมายเลข 1318 รวมทั้งการจองตั๋วผ่านทางอินเทอร์เน็ต

สำหรับในปี 2553 มีการความคืบหน้าเกี่ยวกับนกแอร์ดังนี้
เดือนกุมภาพันธ์ เปิดตัวด้วยราคาสุดคุ้มภายใต้กลยุทธ์ Two-Brand Strategyนกแอร์ ประกาศเริ่มให้บริการใน 3 เส้นทางบินภายในประเทศที่ร่วมมือกับการบินไทย ภายใต้กลยุทธ์“Two-Brand Strategy” โดยเริ่มให้บริการเส้นทางดอนเมือง-พิษณุโลก, ดอนเมือง-อุบลราชธานี และเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2553 นี้เป็นต้นไป

เดือนมีนาคม นกแอร์ เพิ่มเครื่องบินลำใหม่ นามพระราชทาน “ศรีสะเกษ” เข้าประจำฝูงบิน ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่น โบอิ้ง 737-400 รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 150 ที่นั่ง เป็นที่นั่งชั้นธุรกิจ หรือ “นกพลัส” 12 ที่นั่งและที่นั่งชั้นประหยัดอีก 138 ที่นั่ง โดยทำการเช่ามาจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และได้รับการดูแลจากทีมซ่อมบำรุงของการบินไทย

นอกเหนือจากนี้ นกแอร์ จัดงาน “นกหรรษา” เพื่อชาวอุบล หรือ Nok Fun Fair เพื่อเชิญชวนพี่น้องชาวอุบลราชธานีร่วมฉลองในการขยายเส้นทางบินในประเทศสู่อุบลราชธานี อันจะเพิ่มศักยภาพเครือข่ายเส้นทางบินภายในประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยในงานมีเครื่องเล่นมากมาย เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน เกมต่างๆ เช่น ปาโป่ง สาวน้อยตกน้ำ มีการจัดซุ้มเกมต่างๆ เช่น ปืนยาว โยนห่วง โยนไห พร้อมซุ้มขนมและอาหารต่างๆ เช่น สายไหม น้ำแข็งใส น้ำตาลปั่น ลูกชิ้นปิ้ง หมึกย่าง เป็นต้น ให้ประชาชนได้ร่วมสนุกโดยไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งในช่วงเย็นมีฟรีคอนเสิร์ต จากโจ – เจ วรรธนสิน, วงบราเซีย, คณะ Copy Show ดันดารา และสามหนุ่มจากวง B.O.Y. อีกด้วย เป็นการสร้างรอยยิ้มให้พี่น้องชาวอุบลราชธานีได้เป็นอย่างดี

เดือนเมษายน นกแอร์ สายการบินของคนไทย ให้บริการทุกเที่ยวบินด้วยรอยยิ้มได้เพิ่มความสะดวกสบาย ให้แก่ผู้โดยสารโดยการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบน iPhone และiPod Touch โดยสามารถเช็คราคาค่าโดยสาร ตรวจสอบตารางการบิน ดูข้อมูลการเดินทางหรือแม้กระทั่งการจองตั๋วโดยสาร และชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส หรือATMได้อย่างรวดเร็ว และง่ายดายยิ่งขึ้นอีกทั้งยังสามารถเช็คอินและเลือกที่นั่งพร้อมใช้เป็น E-Boarding Pass แสดงเพื่อขึ้นเครื่องได้ทันทีเป็นการตอกย้ำการเป็นสายการบินที่ไฮเทคที่สุดของประเทศไทยอย่างแท้จริง

ประวัติโอเรียนท์ไทย แอร์ไลน์

history-orient-thai-airlines

กำเนิดสายการบินโอเรียนท์ไทย – วันทูโก

สายการบินโอเรียนท์ไทย โดย คุณอุดม ตันติประสงค์ชัย ได้ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเปิดน่านฟ้าเสรี ในปี พ.ศ. 2533 ได้เปิดสายการบินให้บริการในประเทศกัมพูชาโดยใช้ชื่อว่า สายการบินกัมพูเชียแอร์ไลน์

ต่อมาใน พ.ศ.2538 ได้เปิดให้บริการเส้นทางข้ามภาค ระหว่างภาคเหนือกับภาคอีสาน และภาคใต้ ใช้ชื่อว่า "โอเรียนท์เอ็กซ์เพรสแอร์" โดยมีศูนย์กลางการบินอยู่ที่เชียงใหม่ และได้เปิดเส้นทาง เชียงใหม่-อู่ตะเภา-กรุงเทพ ขึ้นเนื่องจากในสมัยนั้นสายการบินเอกชนอื่นไม่สามารถบินทับเส้นทางที่การบินไทยเปิดให้บริการอยู่ได้ ให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 727-200 จำนวน 2 ลำ แต่ก็ให้บริการได้ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ก็หยุดให้บริการไป

ในปี 2539 ได้มีการเปลี่ยนชื่อสายการบิน จาก โอเรียนท์เอกซ์เพรสแอร์ มาเป็น โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ และได้มีการซื้อเครื่องบิน Lockheed L-1011 มาให้บริการเพิ่มเติม แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปี 2540 จึงทำให้การให้บริการภายในประเทศต้องยุติลง โดยผันตัวเองเป็นผู้ให้บริการเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter flights) ซึ่งสามารถทำกำไรได้มหาศาล ลูกค้าจากองค์กรระดับนานาชาติ ก็เชื่อถือให้โอเรียนท์ไทยเข้าร่วมเป็นสายการบินช่วยอพยพผู้ลี้ภัยจากประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการอพยพผู้ลี้ภัยชาวโคโซโวจากประเทศออสเตรเลีย หรือการช่วยส่งผู้ลี้ภัยชาวติมอร์กลับประเทศ เป็นต้น

ในปี 2544 ก็ได้มีการซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 747 มาให้บริการเพิ่มเติม จนในปัจจุบันมีเครื่องบินโบอิ้ง 747 ให้บริการทั้งสิ้น 8 ลำ

history-orient-thai-airlines-2

หลังจากที่รัฐบาลไทยประกาศนโยบายเปิดน่านฟ้าเสรี ในปี 2545 ทำให้โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ กล้าที่จะประกาศศักยภาพของนักลงทุนไทย ด้วยการก้าวลงสู่สนามการแข่งขันทางธุรกิจ "สายการบินราคาประหยัด" ( Low-cost Airlines ) โดยมีการวางแผนงานตั้งแต่กลางปี 2546 ด้วยคอนเซปต์ “วัน-ทู-โก” ผู้โดยสารมาถึงสนามบิน สามารถซื้อตั๋วแล้วขึ้นเครื่องได้ทันที และจะใช้เครื่องบินโบอิ้ง 757-200 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโบอิ้ง 737 เดิมทีจะเปิดให้บริการในเดือนตุลาคม แต่ก็เลื่อนออกมาจนกระทั่งมีสายการบินต้นทุนต่ำอีกแห่งหนึ่งแถลงข่าวเปิดให้บริการ วันทูโกจึงประกาศเปิดบินแบบ “ต้นทุนต่ำ” เป็นรายแรกในไทย ในเส้นทาง กรุงเทพ - เชียงใหม่ ด้วยราคาที่ช็อคตลาด เพียง 999 บาททุกที่นั่ง (รวมภาษีเป็น 1,104 บาท) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2546 และได้ปรับขึ้นราคาเป็น 1,400 บาททุกที่นั่ง (รวมภาษีเป็น 1,505 บาท) ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2546

หลังจากที่ประเทศไทยได้มีการเปิดเสรีทางการบิน ซึ่งทำให้สายการบินเอกชนอื่นบินทับเส้นทางกับการบินไทยได้ จึงทำให้โอเรียนท์ไทย ได้กลับมาให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศอีกครั้ง ในเส้นทาง กรุงเทพ-เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2546 โดยเป็นรูปแบบการให้บริการแบบในราคาประหยัด ทุกที่นั่ง ทุกเที่ยว ราคาเดียว และมีถั๋วโก๋แก่และเครื่องดื่ม ชา-กาแฟ ให้บริการทุกเที่ยวบิน

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ได้เปิดเส้นทางไปยังฮ่องกงและในเดือนเมษายนปีเดียวกัน ได้เปิดเส้นทางไปยังโซล (อินชอน) ในปี พ.ศ. 2545 ได้นำเข้าเครื่องบินแบบ โบอิง 747 คลาสสิค และล็อกฮีต แอล-1011 ไทรสตาร์ มาประจำการเพิ่มเติม และได้เปิดเส้นทางเพิ่มเติมไปยังกัวลาลัมเปอร์ โดยแวะพักที่สิงคโปร์ หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2546 จึงได้ก่อตั้ง วัน-ทู-โก โดย สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินราคาประหยัดสายการบินแรกของประเทศไทย ภายใต้การบริหารงานของ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ปัจจุบัน วัน-ทู-โก โดย สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ ได้ควบรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์

เมื่อสายการบินต้นทุนต่ำรายใหม่เปิดให้บริการในเดือนกุมภาพันธ์ 2547 ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 99 บาท ส่งผลกระทบต่อวันทูโกอย่างจังจนต้องลดเที่ยวบินกรุงเทพ - เชียงใหม่ที่เดิมให้บริการวันละ 4 เที่ยวบินเหลือเพียง 2 เที่ยวบิน และได้มีการปรับลดราคาโปรโมชั่น ได้มีการเพิ่มค่าธรรมเนียมการออกตั๋วจองตั๋ว และเพิ่มเส้นทางบิน จาก กรุงเทพ - หาดใหญ่ , กรุงเทพ - ภูเก็ต , กรุงเทพ - เชียงราย โดยราคา กรุงเทพ - เชียงใหม่ ลดเหลือ 1,154 บาททุกที่นั่ง (รวมภาษีแล้ว) ทำให้ได้รับความนิยมจากนักเดินทางที่ไม่นิยมจองตั๋วล่วงหน้านานๆ เป็นจำนวนมากจนสามารถเปลี่ยนอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ให้มีบรรยากาศกลายเป็นหมอชิต 2 ได้

มิถุนายน 2547 ได้เปิดให้บริการเส้นทาง กรุงเทพ - อุดรธานี แต่ทว่า การแข่งขันสูงมาก มีเที่ยวบินมากกว่าความต้องการของผู้โดยสาร จึงยกเลิกการให้บริการตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2547 และจะเปิดให้บริการอีกทีในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2547 (ซึ่งก็ไม่ได้กลับไปเปิดอีก) ในเดือน กรกฎาคม ได้มีการปรับระบบการคิดค่าโดยสารใหม่ โดยยกเลิกค่าธรรมเนียมการจองตั๋ว เปลี่ยนเป็น การจองตั๋วล่วงหน้าหรือซื้อที่สนามบินก็ราคาเท่ากัน และราคาก็รวมภาษีทุกอย่าง ทำให้ผู้โดยสารสามารถเข้าใจราคาได้ง่ายขึ้น โดยเส้นทาง กรุงเทพ - เชียงใหม่ ปรับราคาเป็น 1,150 บาท ทุกที่นั่ง และได้ปรับราคาขึ้นเป็น 1,350 บาท ทุกที่นั่ง ในเดือนพฤศจิกายน 2547

จากภาวะที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้วันทูโกได้ปรับราคาค่าโดยสารใหม่ สำหรับตั๋วโดยสารที่ออกหลังกลางเดือนมีนาคม 2548 เพิ่มขึ้นอีก 150 บาท จึงทำให้เส้นทางกรุงเทพ - เชียงใหม่ คิดค่าโดยสาร 1500 บาท และ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 3 สายการบินโลว์คอสต์ซึ่งประกอบไปด้วย นกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย และ วันทูโก ได้จัดงานแถลงข่าวเรื่องค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นอีกเที่ยวละ 200 บาท .... จึงทำให้วันทูโกได้ปรับราคาค่าโดยสารขึ้นอีก เป็น 1,550 บาทสำหรับเส้นทางเชียงใหม่ และ ภูเก็ต

ในช่วงกลางปี ทางวันทูโก ได้ปรับลดค่าโดยสารลงมา เหลือเพียงโปรโมชั่น 999 บาท ซึ่งเมื่อรวมภาษีน้ำมันอีก 200 และภาษีสนามบินอีก 50 บาท และค่าธรรมเนียมการจองอีก 100 บาท รวมเป็น 1,349 บาท สำหรับเส้นทาง เชียงใหม่, ภูเก็ต ทำให้ปริมาณผู้โดยสารกลับมาเยอะขึ้น จนกระทั่งสามารถครองตลาดเส้นทางเชียงใหม่ได้เป็นอันดับ 1 ด้วยอัตรา Load Factor (จำนวนผู้โดยสาร/เที่ยวบิน) สูงมากในแต่ละเที่ยวบินเมื่อเทียบกับสายการบินต้นทุนต่ำรายอื่น

วันทูโกได้ขยายเส้นทางใหม่สู่ อุบลราชธานี และ สุราษฏร์ธานี ในวันที่ 12 สิงหาคม 2548 ทำการบินด้วยเครื่องบิน MD-82 ที่เพิ่งได้รับมอบมาจำนวน 2 ลำ (HS-OMA, HS-OMB) แต่ทว่าหลังจากที่เปิดบินเส้นทางอุบลราชธานีไปได้ไม่ถึง 3 สัปดาห์ก็ปิดเส้นทางนี้เนื่องจากแบกรับการขาดทุนไม่ไหว แล้วนำเครื่องบินมาเพิ่มในเส้นทางเชียงใหม่แทน จากเดิม 4 เที่ยว เพิ่มเป็นวันละ 5 เที่ยวบิน และจนกระทั่ง ในเดือนพฤศจิกายน 2548 เพิ่มขึ้นเป็น 6-8 เที่ยวบิน / วัน (โดยในวันจันทร์ ศุกร์ อาทิตย์ จะมี 8 เที่ยวบิน) วันทูโกมีแผนที่จะขยายเส้นทางเชียงใหม่ ให้ได้มากถึง 10 เที่ยวบิน เฉลี่ยจะมีเที่ยวบินวันทูโกออกไปเชียงใหม่ ทุกๆ ชั่วโมง history-orient-thai-airlines-3

ในวันที่ 28 ตุลาคม 2548 วันทูโกได้ขึ้นราคาอีกครั้งหนึ่ง ปรับราคาใหม่เป็น เส้นทาง กรุงเทพ - เชียงใหม่, ภูเก็ต ราคา 1,600 บาท ทุกที่นั่งทุกเที่ยวบิน ส่วนเส้นทาง เชียงราย, สุราษฐธานี, หาดใหญ่ ราคา 1,850 บาททุกเที่ยวบิน โดยมีโปรโมชั่น บิน 9 เที่ยว ฟรี 1 เที่ยว และ การใช้บัตรเงินสด จะทำให้ค่าโดยสารต่อเที่ยวถูกกว่าปกติ

ในอนาคตสายการบินมีโครงการจัดซื้อเครื่องบิน MD-82 มาให้บริการเพิ่มเติมอีกในเส้นทางภายในประเทศเพื่อนำเครื่องบิน โบอิ้ง 757 และ โบอิ้ง 747 ไปให้บริการในเส้นทางระหว่างประเทศรวมถึงเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำต่อไป รวมถึงการแยกวันทูโก ให้เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งอิสระจากสายการบินโอเรียนท์ไทยด้วย

จุดหมายปลายทางของ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ (ระหว่างประเทศ)

ทำการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ฮ่องกง - ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง
ทำการบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวงเชียงราย
มาเก๊า - ท่าอากาศยานนานาชาติมาเก๊า ** ปัจจุบันงดให้บริการชั่วคราว
จุดหมายปลายทางอื่นๆของ สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ เป็นบริการเที่ยวบินพิเศษ และบริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ

ปัจจุบัน สายการบิน โอเรียนท์ ไทย แอร์ไลน์ มีจำนวนเครื่องบินทั้งหมด 12 ลำ เป็นเครื่องบินแบบ Boeing B747 จำนวน 5 ลำ Boeing B767 จำนวน 1 ลำ Boeing (McDonnell Douglas) MD-80 จำนวน 3 ลำ และ Boeing B737 จำนวน 3 ลำ

เครื่องบินโดยสาร
โบอิง 747 B747 Series (747)
B747-300
B747-346 (HS-UTN, UTV, UTW) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นประหยัด 518 ที่นั่ง
B747-400
B747-422 (HS-STA) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นธุรกิจ 14 ที่นั่ง / ชั้นประหยัด 467 ที่นั่ง
B747-412 (HS-STC) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นธุรกิจ 9 ที่นั่ง / ชั้นประหยัด 467 ที่นั่ง
โบอิง 767 B767 Series (767)
B767-3WO/ER (HS-BKA) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นธุรกิจ 18 ที่นั่ง / ชั้นประหยัด 245 ที่นั่ง
แมคดอนเนลล์ ดักลาส MD-80 Series (M80)
MD-81 / MD-82
MD-81 (HS-MDI - HS-MDJ) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นประหยัด 163 ที่นั่ง
MD-82 (HS-MDK) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นประหยัด 167 ที่นั่ง
โบอิง 737 B737 Series (737)
B737-3T0 (Winglet) (HS-BRA / HS-BRB / HS-BRC) ความจุผู้โดยสาร: ชั้นนักธุรกิจ 8 ที่นั่ง / ชั้นประหยัด 124 ที่นั่ง

ข้อมูลพื้นฐานของบริษัท โอเรียนท์ไทยแอร์ไลน์ จำกัด
ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ : คุณอุดม ตันติประสงค์ชัย
เจ้าของสายการบิน : คุณอุดม ตันติประสงค์ชัย และ ครอบครัว (100%)
ลักษณะการให้บริการ : ให้บริการเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ ให้บริการเต็มรูปแบบบนเที่ยวบินเส้นทางต่างประเทศ และ เที่ยวบินแบบราคาประหยัดในเส้นทางภายในประเทศ โดยมีถั่วโก๋แก่ และเครื่องดื่ม ชา-กาแฟ บริการฟรีทุกเที่ยวบิน
สำนักงานใหญ่ : 138/70 ชั้น 17 อาคารจูลเวลลี่เซนเตอร์ ถนนนเรศ เขตบางรัก กรุงเทพฯ

ทัวร์แนะนำ

  1. เหมากรุ๊ป Team Building
  2. เหมากรุ๊ป CSR
  3. เหมากรุ๊ป Team Building และ CSR
  4. เหมากรุ๊ปทัวร์ในประเทศ
  5. เหมากรุ๊ปทัวร์เอเชีย

ศูนย์รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับในประเทศและโซนเอเชีย

นิววิวทัวร์ รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

เชื่อถือได้

เราเป็นบริษัทที่ทำด้านการท่องเที่ยวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีลูกค้าต่างๆมากมาย ซึ่งเชื่อมั่นในคุณภาพของการดำเนินงานของเรา

ราคาคุ้มค่า

ทุกแพ็คเก็จทัวร์มีรายละเอียดและแผนงาน ที่ทำให้คุ้มค่ากับทุกบาทที่ลูกค้าเลือกเรา

บริการต่อเนื่อง

 เมื่อมีโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือ ทัวร์น่าเทียว เราจะแจ้งให้ทราบตามส่วนติดต่อที่ระบุไว้ให้กับเรา 

ข้อมูลเพิ่มเติม

เราทีทีมงานที่พร้อมให้ข้อมูลกับลูกค้าทุกท่าน เพียงแค่โทรหาเรา

นิววิวทัวร์พาเที่ยว

กับผลงานการจัดทัวร์บางส่วนของความมุ่งมั่นในการให้บริการจากเราและการอุปการะคุณที่ดีของลูกค้าที่ผ่านมาโดยตลอด

คำยืนยันลูกค้า

คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์