รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

เทียนพระราชทาน อุบลราชธานี

สารบัญ

tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani

เทียนพรรษาพระราชทานสำหรับจังหวัด อุบลราชธานี
การขอพระราชทานเทียนพรรษาสำหรับจังหวัดอุบลราชธานีมีจุดเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๒ เมื่อคณะกรรมการจัดงานแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีในเวลานั้น (นายประมูล จันทรจำนง) พิจารณาเห็นว่าการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาซึ่งเริ่มจัดขึ้นเป็นงานยิ่งใหญ่ระดับชาติมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นมานั้น มีการประชาสัมพันธ์ไปยังนานาชาติด้วย ดังนั้น จึงสมควรที่จะมีสิ่งที่เป็นมงคลหรือเป็นหลักชัย และเป็นสัญลักษณ์ของงานให้มีความยิ่งใหญ่และความสำคัญยิ่งขึ้น จึงพร้อมใจกันกราบบังคมทูลขอพระราชทานเทียนพรรษาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในเทศกาลเข้าพรรษาเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่่พระอารามหลวงอื่นในพระราชอาณาจักรตามปกติอยู่แล้ว เพื่ออัญเชิญเป็นเทียนชัยมิ่งมงคล นำขบวนแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี และนำไปจุดบูชาพระรัตนตรัยในพระอารามหลวงแห่งใดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานี

ในปี พ.ศ.2522 คณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา จังหวัดอุบลราชธานี ได้พิจารณาร่วมกันว่า การจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี เป็นงานใหญ่ระดับชาติ และได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังนานาชาติอีกด้วย สมควรที่จะมีสิ่งที่เป็นมงคล หรือเป็นหลักชัย และสัญลักษณ์ของงาน ให้มีความยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งขึ้น จึงได้พร้อมใจกันกราบบังคมทูล ขอพระราชทานเทียนพรรษาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเทศกาลเข้าพรรษา เป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากที่พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พระอารามหลวงปกติ เพื่ออัญเชิญเป็นเทียนชัยมิ่งมงคล นำขบวนแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี และนำไปจุดบูชาพระรัตนตรัยในพระอารามหลวงแห่งใดแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีต่อไป

เทียนพรรษาที่พระราชทานมาถวายยังพระอารามหลวงใ้นจังหวัดอุบลราชธานีนั้น เป็นเทียนหล่อลำเร็จทรงแปดเหลี่ยมประดับลายไทย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔ นิ้ว สูงประมาณ ๑ เมตร ลำต้้นเทียนเป็นสีแดง โคนและยอดเทียนเป็นสีทอง มีฐานไม้ทรงแปดเหลี่ยมรองรับ องค์ประกอบสำคัญที่พระราชทานมาพร้อมกับต้นเทียนสามอย่าง ได้แก่ ไจฝ้ายสำหรับทำเป็นเส้นเทียน ๑ ไจ เทียนชนวนทำจากขี้ผึ้งแท้ ๑ เล่ม และไม้ขีดไฟ ๑ กลัก

ซึ่งก็นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาแก่จังหวัดอุบลราชธานีตามความประสงค์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีในขณะนั้น (นายประมูล จันทรจำนง) พร้อมคณะ ซึ่งเป็นผู้แทนคณะกรรมการจัดงานฯ เข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเทียนพรรษาจากพระองค์ท่าน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ก่อนวันเริ่มงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประมาณ 7 วัน

แล้วคณะผู้เข้าเฝ้าฯ ได้อัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานมาทางเครื่องบิน และมีพิธีรับอย่างสมพระเกียรติ พร้อมอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นเทียนชัยมิ่งมงคลในงานและนำในขบวนแห่เทียนพรรษา และก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคตลอดมา ซึ่งเป็นจังหวัดเดียวในประเทศไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งอย่างหาที่สุดมิได้ และเป็นที่ปลาบปลื้มปิติของหมู่พสกนิกรชาวอุบลราชธานีเป็นอย่างยิ่ง

เทียนพรรษาพระราชทานเป็นเทียนหล่อสำเร็จ ประดับด้วยลายไทย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว สูงประมาณ 1 เมตร ทรง 8 เหลี่ยม ลำต้นสีแดง ตรงโคนและยอดเป็นสีทอง มีฐานเป็นไม้ทรง 8 เหลี่ยมคล้ายพานรองรับ องค์ประกอบที่สำคัญ ที่พระราชทานพร้อมกับต้นเทียน 3 อย่าง ได้แก่
- ไจฝ้าย สำหรับทำไส้เทียน 1 ไจ
- เทียนชนวน ทำจากขี้ผึ้งแท้ 1 เล่ม
- และไม้ขีดไฟ 1 กลัก

เมื่อผู้เข้าเฝ้าฯ ได้รับพระราชทานเทียนพรรษาพระราชทานแล้ว จะอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานมาทางเครื่องบิน โดยทางบริษัทการบินไทย ได้มีส่วนร่วมสนับสนุนในการอัญเชิญ ด้วยการอำนวยความสะดวกยกเว้นค่าโดยสารบางส่วน และคิดค่าโดยสารครึ่งหนึ่งสำหรับคณะผู้อัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานเป็นกรณีพิเศษอีกด้วย

ที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี จะมีพิธีรับเทียนพรรษาพระราชทานอย่างสมพระเกียรติ โดยการจัดรูปขบวนอันประกอบด้วย วงโยธวาทิต กองเกียรติยศลูกเสือ เนตรนารี นักศึกษาวิชาทหาร บรรดาข้าราชการทุกหมู่เหล่า แต่งเครื่องแบบปกติขาว และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ อันยาวเหยียด เคลื่อนไปพร้อมกับรถบุษบกอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน ไปยังจุดที่ตั้ง ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี หรือสถานที่เหมาะสมอื่นๆ ซึ่งแล้วแต่กรรมการจัดงานจะเป็นผู้กำหนด เพื่อรอวันเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจะเริ่มขึ้น จึงจะมีพิธีอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานไปประดิษฐานไว้เป็นเทียนชัยมิ่งมงคล ในบริเวณพิธีเปิดงานที่ลานจตุรมุขทุ่งศรีเมือง ในการอัญเชิญ ก็จะมีพิธีอย่างสมพระเกียรติ เช่นเดียวกับพิธีในวันรับที่สนามบินนานาชาติอุบลราชธานี

ขั้นตอนการขอพระราชทานเทียนพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานีที่ปฏิบัติสืบมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ มีดังนี้ก่อนงานประเพณีแห่เทียนพรรษาประมาณ ๒ เดือน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี (เดิมสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ) ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าของเรื่อง เสนอเรื่องราวเพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานเทียนพรรษาไปยังจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีลงนามในหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานเทียนพรรษา

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเทียนพรรษาแล้ว สำนักราชเลขาธิการจะแจ้งหมายกำหนดการให้เข้าเฝ้าเพื่อรับพระราชทานเทียนพรรษา โดยให้กำหนดตัวบุคคลที่จะเข้าเฝ้าด้วย ตามปกติจะกำหนดเวลาประมาณ ๕ - ๗ วันก่อน ถึงวันเข้าพรรษา ส่วนสถานที่เข้าเฝ้ารับพระราชทานเทียนพรรษานั้น จะเป็นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต หรือสถานที่อื่นใดนั้นสุดแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่วนคณะผู้เข้ารับพระราชทานเทียนพรรษานั้น ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีเมืองอุบลราชธานี หัวหน้าลำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี และบุคคลที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรอีก ๒ - ๓ คน

tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani tour-krua-suanpla-restaurant-ubon-ratchathani

เมื่อได้รับพระราชทานเทียนพรรษาแล้ว คณะผู้เข้าเฝ้าฯ จะอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานมาทางอากาศ ซึ่งบริษัทการบินไทยได้มีส่วนร่วมสนับสนุนการอัญเชิญ โดยการยกเว้นค่าโดยสารบางส่วน และคิดด่าโดยสารครึ่งหนึ่ง สำหรับคณะผู้อัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน เป็็นกรณีพิเศษอีกด้วย เมี่อเครื่องบินเดินทางมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติจ้งหวัดอุบลราชธานี ก็จะมีการจัดพิธีรับอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ โดยการจัดรูปขบวนอันประกอบด้วย วงโยธวาทิต กองเกียรติยศลูกเสือเนตรนารี นักศึกษาวิชาทหาร พร้อมข้าราชการทุกหมู่เหล่า พสกนิกร และกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ เคลื่อนไปพร้อมกับรถบุษบกอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานไปยังจุดที่ตั้ง ซึ่งจะเป็นศาลากลางจังหวัดหรือสถานที่อื่นที่มีความเหมาะสมตามที่คณะกรรมการจัดงานกำหนด เพื่อรอวันเปิดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจะเริ่มขึ้น จึงจะมีการอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานไปประดิษฐานไว้เป็นเทียนชัยมิ่งมงคลในบริเวณพิธีเปิดงานที่ลานหน้าศาลาจัตุรมุขทุ่งศรีเมือง โดยมีพิธีอัญเชิญที่จัดอย่างสมพระเกียรติเช่นเดียวกับพิธีในวันรับเทียนพรรษาพระราชทานที่ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดอุบลราชธานีทุกประการ

การกำหนดว่าในแต่ละปีจะนำเทียนพรรษาพระราชทานไปถวายยังพระอารามหลวงแห่งใดนั้น ใช้วิธีหมุนเวียนกันไปตามวัดพระอารามหลวงของจังหวัด ซึ่งมีด้วยกัน ๓ แห่ง ได้แก่ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดมหาวนาราม และวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยเรียงตามลำดับการได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงของวัดนั้น ๆ กล่าวคือ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร๋ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหารเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๘ วัดมหาวนารามได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ และวัดศรีอุบลรัตนาราม ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญเมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ ดังนั้น วัดที่ได้รับพระราชทานเทียนพรรษาในสามปีแรก ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๔ จึงได้แก่ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดมหาวนาราม และวัดศรีอุบลรัตนาราม ตามลำดับ

การพระราชกุศลหล่อเทียนพรรษา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเคยมีพระราชปรารภว่า เดิมเทียนพรรษาหล่อด้วยขี้ผึ้ง ล้วนมีเกณฑ์การพระราชทานเทียนดังกล่าวอยู่กว้าง ๆ คือ วัดพระอารามหลวที่ได้รับพระราชทานนิตยภัตปีละสองสลึง ก็จะได้รับพระราชทานเทียนพรรษาวัดละ ๑ เล่ม หรือ มากกว่านั้นบ้างทุกวัด ปริมาณเทียนพรรษาที่จะต้องหล่อและพระราชทานไปยังพระอารามเหล่านั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกรัชกาล เมื่อนับตั้งแต่ตั้งกรุงรัตนโกสินทร์จนกระทั่งปลายแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีเทียนพรรษาที่ต้องพระราชทานในแต่ละปีถึงเกือบร้อยเล่ม โดยเทียนแต่ละเล่มนั้นใช้ขี้ผึ้งหนัก ๑๖ ชั่ง คิดเป็นปริมาณขี้ผึ้งจำนวนมหาศาล ดังนั้นการจะหล่อเทียนพรรษาในแต่ละปี จึงใช้วิธีการบอกกล่าวพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน ตลอดจนเจ้าภาษี นายอากร ขอขี้ผึ้งมาช่วยเหลือทุกปี จะเริ่มลงมือหล่อเทียนพรรษาในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ หากปีใดมีอธิกมาส (ปีที่มีเดือนแปดสองหน) ก็จะเลื่อนการหล่อเทียนพรรษาออกไปเป็นวันขึ้น ๘ ค่ำเดือน ๘ (แรก) ทั้งนี้เทียนพรรษาที่หล่อสำหรับถวายหอพระและพุทธมนเทียรนั้นทรงหล่อที่ฝ่ายใน ส่วนเทียนพรรษาสำหรับถวายที่อื่น ๆ นั้นหล่อที่ฝ่ายหน้าทั้งสิ้น

เมื่อลองคิดน้ำหนักเทียนพรรษาตามเกณฑ์ปัจจุบันที่ น้ำหนัก ๑ บาท เท่ากับ ๑๕.๒ กรัมแล้ว จะเห็นได้ว่าเทียนเล่มหนึ่ง ซึ่งมีน้ำหนัก ๑๖ ชั่ง (หนึ่งชั่งเท่ากับ ๘๐ บาท หรึอ ๑๒.๑๖ กิโลกรัม) จึงมีน้ำหนักถึง ๑๙๔.๕๖ กิโลกรัม

ทัวร์แนะนำ

  1. เหมากรุ๊ป Team Building
  2. เหมากรุ๊ป CSR
  3. เหมากรุ๊ป Team Building และ CSR
  4. เหมากรุ๊ปทัวร์ในประเทศ
  5. เหมากรุ๊ปทัวร์เอเชีย

ศูนย์รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับในประเทศและโซนเอเชีย

นิววิวทัวร์ รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

เชื่อถือได้

เราเป็นบริษัทที่ทำด้านการท่องเที่ยวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีลูกค้าต่างๆมากมาย ซึ่งเชื่อมั่นในคุณภาพของการดำเนินงานของเรา

ราคาคุ้มค่า

ทุกแพ็คเก็จทัวร์มีรายละเอียดและแผนงาน ที่ทำให้คุ้มค่ากับทุกบาทที่ลูกค้าเลือกเรา

บริการต่อเนื่อง

 เมื่อมีโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือ ทัวร์น่าเทียว เราจะแจ้งให้ทราบตามส่วนติดต่อที่ระบุไว้ให้กับเรา 

ข้อมูลเพิ่มเติม

เราทีทีมงานที่พร้อมให้ข้อมูลกับลูกค้าทุกท่าน เพียงแค่โทรหาเรา

นิววิวทัวร์พาเที่ยว

กับผลงานการจัดทัวร์บางส่วนของความมุ่งมั่นในการให้บริการจากเราและการอุปการะคุณที่ดีของลูกค้าที่ผ่านมาโดยตลอด

คำยืนยันลูกค้า

คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์