เมืองเว้ เวียดนาม
สัญลักษณ์เมืองเว้
เมืองเว้ (Hue)
เป็นอดีตเมืองหลวงที่เคยรุ่งเรืองด้วยศิลปวัฒนธรรมของเวียดนาม ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศ ปัจจุบันเป็นเมืองมรดกโลกที่ร่ำรวยประวัติศาสตร์ เป็นเมืองเอกของจังหวัดถัวเทียน-เว้ และเคยเป็นเมืองหลวงเก่าในสมัยราชวงศ์เหงียนช่วงปี พ.ศ. 2345-2488 มีพื้นที่ทั้งหมด 5,054 ตร.กม. มีจำนวนประชากรอยู่ที่ประมาณ 1,136,100 คน (สำรวจปี 2005)
เมืองเว้อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลเพียง 12 กิโลเมตร มีแม่น้ำหอมหรือแม่น้ำซงเฮือง (Perfume River) ไหลผ่านกลางเมือง แม่น้ำหอมเป็นแม่น้ำสายสั้นๆ ที่มีต้นกำเนิดมาจากต้นน้ำ 2 แห่งบนภูเขา แม่น้ำไหลผ่านป่าไม้หอม ทำให้น้ำมีสีใสและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จึงได้ชื่อว่าแม่น้ำหอม ตั้งอยู่ในเวียดนามตอนกลาง ริมฝั่งแม่น้ำหอม ถัดเข้ามาในแผ่นดินจากริมฝั่งทะเลจีนใต้เพียง 2-3 ไมล์ ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 540 กิโลเมตร และห่างจากโฮจิมินห์ซิตี้ไปทางเหนือประมาณ 644 กิโลเมตร
ทางฝั่งเหนือของแม่น้ำคือที่ตั้งของพระราชวัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของย่านประวัติศาสตร์ โบราณสถานและวัดสำคัญส่วนใหญ่ในเมืองเว้จะตั้งอยู่ในบริเวณนี้ ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำจะเป็นเมืองใหม่ ซึ่งมีย่านธุรกิจและที่พักอาศัยมากมาย
เมืองเว้มีพรมแดนติดกับลาวทางทิศตะวันตก เดิมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรจามปา จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 13 ดินแดนนี้จึงตกเป็นของเวียดนาม พระเจ้ายาลอง (Emperor Gia Long) หรือคนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า องเชียงสือ ผู้เคยเข้ามาขอความช่วยเหลือจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพื่อนำกำลังกลับไปต่อสู้กับกบฏไตเซินจนชนะ ได้สถาปนาราชวงศ์เหวียนขึ้นปกครองเวียดนาม ทรงรวมแคว้นทั้งทางเหนือและทางใต้เข้าด้วยกันเป็นปึกแผ่น และเรียกดินแดนที่มีอาณาเขตตั้งแต่ชายแดนจีนทางเหนือจรดคาบสมุทรก่าเมาทางใต้ว่าประเทศเวียดนามเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ ทรงย้ายเมืองหลวงจากเมืองทังลองหรือฮานอย เมืองหลวงเดิมมาอยู่ที่เว้ด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเว้ส่วนใหญ่จะเป็นป้อมปราการ พระราชวังหลวง และสุสานจักรพรรดิ หมู่โบราณสถานในเมืองเว้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2536 เว้เป็นเมืองที่เงียบสงบและน่าค้นหา มีบุคคลที่มีชื่อเสียงจำนวนมากเกิดที่เมืองนี้ หรือได้เคยมาเยือนเมืองนี้ ปัจจุบันเว้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม
อากาศและบรรยากาศของเมืองเว้เหมือนกับภาคเหนือของไทย วัฒนธรรมของชาวเว้มีเอกลักษณ์ที่ทำให้เว้แตกต่างจากเมืองอื่นๆ ของเวียดนาม นอกจากนี้สาวเมืองเว้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หญิงสวยที่สุดในเวียดนาม
อาหารจานเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเว้ คือ ขนมเบื้องญวน (banh khoai) และขนมจีนเมืองเว้เป็นขนมจีนน้ำใน มีทั้งขนมจีนหน้าเนื้อ (bun bo) หน้าไก่ (ban ga) และหน้าขาหมูกับเนื้อ (bun bo gio heo)
เหรียญองค์การยูเนสโก
ประวัติศาสตร์
แรกเริ่มนั้นเว้เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์เหงียน และเป็นอดีตนครจักรพรรดิหรือพระราชวังที่จักรพรรดิยาลอง องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหวียนเป็นผู้สถาปนาขึ้น เมืองแห่งนี้ได้รับการบันทึกไว้หลังจากอาณาจักรจามปาล่มสลายลง ซึ่งปกครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเวียดนามตอนใต้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17-19 และสิ้นสุดฐานะเมืองหลวงในปีพ.ศ.2488
เดิมเมืองเว้นั้นเป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศเวียดนาม อยู่ในความปกครองของขุนนางเหวียนฮวาง (Nguyen Hoang) ในแผ่นดินของราชวงศ์เล แต่ราชวงศ์ปกครองได้ไม่นานก็เกิดสงครามแบ่งแยกดินแดนขึ้น ทางตอนเหนือตกไปอยู่ในการปกครองของขุนนางตริงห์ และทางตอนใต้ตกอยู่ในการปกครองของขุนนางเหวียน
ต่อมาได้ขัดแย้งกันและได้เกิดสงครามขึ้นมา พี่น้องตระกูลเตยเซินก่อกบฏขึ้นและยึดเวียดนามได้ทั้งหมด เหวียนฉวางหรือที่คนไทยรู้จักพระองค์ในชื่อว่า"องเชียงสือ"ซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามใต้อยู่ในขณะนั้นจึงได้ลี้ภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนานถึง 4 ปีแล้วกลับมาปราบกบฏลงได้ในปี พ.ศ. 2345 และรวบรวมดินแดนทางตอนเหนือและตอนใต้เข้าไว้ด้วยกัน โดยเรียกชื่อเสียใหม่ว่า เวียดนาม พร้อมกับสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหวียนขึ้นปกครองเมืองเว้ซึ่งเป็นราชธานี แต่หลังจากที่พระเจ้ายางลองปกครองเวียดนามได้เพียง 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ ในช่วงนี้จักรพรรดิผลัดกันขึ้นสู่บัลลังก์ในช่วงสั้นๆ การเดินขบวนต่อต้านฝรั่งเศสและการต่อสู้กับจักรพรรดินิยมถูกติดตามมาด้วยการ ยึดครองของญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ. 2488 และในสิงหาคมปีเดียวกันนี้เองที่พระเจ้าเบ๋าได่ ได้สละราชสมบัติเป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์เหงียน
พระเจ้ายาลองทรงสร้างเว้เป็นราชธานีที่สวยที่สุดในเวียดนามเมื่อปี ค.ศ 1945 พระราชวังเว้ (Impcrial Citadel) หรือนครจักรพรรดิแห่งเว้ประกอบด้วยพระราชวัง วัด เจดีย์ และสุสานกษัตริย์ ในเวลานั้นเว้เป็นศูนย์กลางศิลปวัฒนธรรมชั้นสูงของเวียดนาม ปัจจุบัน มรดกทางวัฒนธรรมที่เหลืออยู่ของเว้คือ พระราชวังไปฮวา ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเวียดนามที่ยังสมบูรณ์แบบสวยงาม รวมทั้งอาหารเวียดนามแบบชาววัง และชุดประจำชาติ ที่เรียกว่า ชุดอ๋าวหย่ายหรือเอ๋าได๋ (ao dai) ที่สาวๆ ชาวเวียดนามนิยมสวมใส่กันจนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเวียดนาม
เมืองเว้เสียหายอย่างหนักจากการบุกของทหารเวียดนามเหนือในเทศกาลเต๊ด เมื่อปีค.ศ.1968 โบราณสถานจำนวนมากถูกทำลายด้วยน้ำมือทหารเวียดนามเหนือ และจากการทิ้งระเบิดกระสุนปืนใหญ่ที่ทหารอเมริกันระดมยิงเพื่อกดดันขับไล่ทหารเวียดนามเหนือให้ถอยทัพออกจากเว้ การโจมตีครั้งนั้นทำให้พระราชวังเว้ถูกทำลายไปเกือบหมด
ต่อมาเมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2 ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลโงดิงห์เดียม ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 จักรพรรดิบ๋าวด่ายทรงได้รับการช่วยเหลือจากชาวฝรั่งเศสในอาณานิคม และทรงก่อตั้งเมืองหลวงใหม่ คือ ไซ่ง่อน ทางใต้ของประเทศ ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2511 ระหว่างการบุกเข้าโจมตีของเวียดกงในช่วงเทศกาลเต็ดซึ่งก่อให้เกิดความเดือด ร้อนไปทุกเมืองในเวียดนามใต้ และเหตุการณ์ครั้งนั้นเองก็ส่งผลให้สหรัฐอเมริกาถอนกองกำลังออกจากเวียดนาม และในที่สุดก็ทำให้เวียดนามเหนือลงมายึดเวียดนามใต้และรวมกันเป็นหนึ่งได้สำเร็จ
คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณแหม่ม (เคอรี่ ฟลาวมิลล์)กิจกรรมเกาะช้าง 3 วัน 40ท่าน_Part 1
19298 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - เอ้าท์ติ้ง นครนายก 1 วัน (ชูเคียว) 25 ท่าน Part 3
9537 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - ทีมบิ้วดิ้ง จันทบุรี (เคอรี่ ฟลาวมิลล์) กรุ๊ปหนึ่ง 22 ท่าน Part 1
11225 Views