เมือง ฮานอย เวียดนาม

เมืองฮานอย
เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของเวียดนามตั้งแต่ปี พ.ศ. 1553 มีอายุกว่า 900 ปี มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์เล (Ly Dynasty) ในศตวรรษที่ 15 เดิมชื่อว่า เมืองทังลอง (Thang Long) แปลว่า เมืองมังกรคำราม คำว่า ฮานอย ในภาษาเวียดนาม มาจากคำ 2 คำ คือ “ฮา” แปลว่า แม่น้ำ กับ “นอย” แปลว่า ข้างใน ฮานอยตั้งอยู่ใจกลางสันดอนลุ่มแม่น้ำแดงในภาคเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นปีที่จักรพรรดิลีไทโด ทรงสถาปนาพระราชวังทังลองขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้ ตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงชื่อเมืองอีกหลายครั้ง ฮานอย แปลว่า เมืองบนฝั่งโค้งของแม่น้ำ นับเป็นเมืองหลวงที่มีขนาดเล็กที่มีความสวยงามมากตลอดสองฟากถนนเราสามารถเห็นตึกสไตล์โคโลเนียลอยู่เรียงรายสองข้างทางฮานอย

ในภาษาเวียดนาม ฮา แปลว่า แม่น้ำ นอย แปลว่า ข้างใน ฮานอยเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ประทับใจไม่แพ้เมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใจกลางเมืองและเป็นย่านเมืองเก่าคือ ทะเลสาบโฮฮว่านเกี๋ยม (Ho Hoan Kiem Lake) หรือ “ทะเลสาบดาบที่กลับคืนมา”

มีตำนานเล่าว่า พระเจ้าหลีไทโต (Ly Thai To) แห่งราชวงศ์เลผู้ตั้งกรุงฮานอยเป็นราชธานีได้ดาบวิเศษมาจากเต่าตัวหนึ่ง พระองค์นำดาบนั้นไปต่อสู้กับกองทัพจีนในช่วงปีค.ศ.1418 – 1428 เป็นเวลานานถึง 10 ปี จนได้ชัยชนะ ปลดปล่อยเวียดนามเป็นอิสระจากการปกครองของจีน หลังจากนั้นพระองค์ได้ลงเรือไปกลางทะเลสาบเพื่อคืนดาบวิเศษแก่เต่าศักดิ์สิทธิ์ ตำนานเล่าว่าเต่าได้ขึ้นมาคาบดาบจากพระหัตถ์กลับลงไปในทะเลสาบ

ฮานอยตั้งอยู่ใจกลางสันดอนลุ่มแม่น้ำแดงในภาคเหนือของประเทศ มีทะเลสาบน้อยใหญ่ถึง 18 แห่ง มีทะเลสาบประจมเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุด และมีทะเลสาบใจกลางกรุงที่ขึ้นชื่ออย่าง โฮฮว่านเกี๋ยม นับเป็นเมืองหลวงขนาดเล็กที่มีเสน่ห์ไม่แพ้เมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ดังนั้น เมื่อคุณเดินทางมาถึงฮานอยจุดแรกที่ควรไม่ควรพลาดคือการไปเริ่มต้นที่ ทะเลสาบโฮฮว่าเกี๋ยม ซึ่งเป็นย่านการค้าที่เก่าแก่ที่สุดของเมือง มีถนนสายเล็กๆ 36 สายตัดสลับกันไปมา ชาวเวียดนามเรียกถนนสายนี้ว่า บาเมื่อยซัวโฟเฟือง แปลว่า 36 ถนน ชาวต่างชาติจะรู้จักกันในชื่อ โอลด์ควอเตอร์ หรือถนน 36 สาย บรรยากาศของตลาดนี้คล้ายกับเยาวราชในประเทศไทย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งโรงแรม เกสต์เฮาส์ บริษัทนำเที่ยว ร้านอินเตอร์เน็ต ร้านอาหาร

เมืองทังลองหรือฮานอยเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในฐานะเมืองหลวงของประเทศ จนกระทั่งต้นศตวรรษที่ 18 พระเจ้ายาลองแห่งราชวงศ์เหวียนทรงย้ายเมืองหลวงไปตั้งที่เว้และฮานอยกลับมาเป็นเมืองหลวงของประเทศอีกครั้ง เมื่อฝรั่งเศสได้ยึดครองเวียดนาม ชาวฮานอยมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ถนนหนทางในเมืองกว้างขวาง โดยทั้งสองข้างทางปลูกต้นไม้ใหญ่ประดับอาคารบ้านเรือนสง่างามด้วยสถาปัตยกรรมในยุคอาณานิคม สถานที่ท่องเที่ยวของฮานอยมีหลายแห่ง เช่น สุสานโฮจิมินห์ วิหารวรรณคดี พิพิธภัณฑ์ทหาร โรงละครหุ่นกระบอกน้ำที่ถนนดิงห์เตียนฮว่าง ซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงและเป็นศิลปะประจำชาติที่ได้รับการยกย่องชมเชยมากที่สุดของเวียดนาม เป็นต้น

ปัจจุบันบริเวณรอบทะเลสาบโฮฮว่านเกี๋ยมเป็นสวนสาธารณะที่ชาวฮานอยมาใช้เป็นที่พักผ่อนกันมาก ทุกเช้าเย็นจะมีคนมาวิ่งออกกำลังกายและชมธรรมชาติ รอบๆ ทะเลสาบมีร้านค้าขายเครื่องดื่มอยู่เป็นระยะๆ

สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองซึ่งเป็นย่านเก่าในเมืองฮานอย และห่างจากกรุงฮานอยมาทางทิศเหนือระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ยังเป็นที่ตั้งของมรดกโลกทางธรรมชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกอย่างอ่าวฮาลอง ทะเลสาบที่มีเนื้อที่กว่า 4,000 ตารางกิโลเมตร มีเกาะหินปูนน้อยใหญ่ที่ถูกกัดเซาะจากคลื่นลมในท้องทะเลเป็นเวลากว่าพันปี จนเกิดหินปูนรูปทรงสวยงาม วางเรียงรายอยู่บนผืนน้ำมากกว่า 1,000 เกาะ บรรยากาศเหมือนอ่าวพังงาในประเทศไทย

การเดินทางจากประเทศไทย
ทางรถยนต์
จากกรุงเทพฯ ใช้บริการรถโดยสารประจำทางไปยังจังหวัดหนองคาย จากนั้นข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เดินทางไปยังนครเวียงจันทน์ มีรถโดยสารเดินทางจากนครเวียงจันทน์ไปยังกรุงฮานอย ประเทศเวียตนาม จอดอยู่ตรงข้ามดับโรงแรมเจริญชัย ติดกับสถานทูตอเมริกา วันละ 1 เที่ยว คือ เวลา 18.00 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 15 – 16 ชั่วโมง ส่วนขากลับมีรถโดยสารประจำทางออกจากหน้าสถานทูตลาวในกรุงฮานอยกลับนครเวียงจันทน์อีกวันละหนึ่งเที่ยวเช่นกัน

ทางอากาศ
ปัจจุบันมีสายการบินไทย สายการบินไทยแอร์เอเชีย และสายการบินเวียดนาม แอร์ไลน์ ให้บริการบินสู่สนามบินฮานอย

การเดินทางท่องเที่ยวภายเมืองฮานอย
พาหนะในการเดินทางเที่ยวชมเมืองฮานอยนั้นมีหลากหลายประเภท ทั้ง จักรยาน พาหนะยอดนิยมของนักท่อเที่ยวในการขี่เที่ยวชมรอบตัวเมือง สามารถหาเช่าได้ตามโรงแรมในประราคาประมาณ 10,000 ดอง/วัน หรือถ้าจะนั่งเที่ยวชมแบบสบายๆ ก็มีบริการของซิโคล่สามล้อถีบที่เราต้องนั่งอยู่ด้านหน้า และคนให้บริการปั่นจักรยายอยู่ด้านหลัง มีให้เลือกทั้งแบบนั่งชมรอบเมืองในราคาประมาณ 5,000 ดอง/คน หรือจะเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ราคาตามแต่จะตกลง

• ก่อนหน้า
• ต่อไป