สุสานโฮจิมินห์ เวียดนาม

สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’ s Mausoleum)

ที่ตั้ง
ตั้งอยู่บนถนนเดียนเบียนฟู (Dien Bien Phu) บริเวณจัตุรัสบาสดิงห์ (Ba Dinh) อยู่ห่างจากทะเลสาบโฮฮว่านเกี๋ยมไปทางทิศตะวันตก 2 กิโลเมตร อยู่ใจกลางกรุงฮานอย

จัตุรัสกลางเมืองนี้เป็นประธานาธิบดีโฮจิมินห์อ่านคำประกาศอิสรภาพเวียดนามจากฝรั่งเศสต่อหน้าชาวเวียดนามที่มาชุมนุมกันอยู่ในจัตุรัสมากกว่า 500,000 คน เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1945 สุสานแห่งนี้ได้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516 เสร็จในปี พ.ศ. 2518 เป็นอาคารหินอ่อนและหินแกรนิตรวมถึงไม้เนื้อดีจากทั่วประเทศ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของ Old Quarter สุสานนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1973 เป็นอาคารที่โดดเด่นและสง่างามมาก โดยมีชื่อในภาษาเวียดนามว่า จู่ติกโอจิมินห์ (Lang Chu Tich Ho chi Minh

ด้านในจะพบกับศพโฮจิมินห์ ซึ่งอาบน้ำยาอยู่ในโลงแก้วเพื่อให้ผู้คนที่เข้ามาชมได้รู้จักผู้นำที่มีความ แข็งแกร่ง ทั้งที่นี่เป็นการกระทำซึ่งขัดต่อความต้องการของโฮจิมินห์ เพราะท่านต้องการให้เผาร่างเมื่อตายลง สำหรับห้องนี้ไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูป วีดีโอ โทรศัพท์ หรือกระเป๋าทุกชนิดเข้าไปโดยเด็ดขาด

หลังจากโฮจิมินห์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ.1969 ในสุสานมีทหารกองเกียริยศในชุดเครื่องแบบเต็มยศสีขาวถือดาบปลายปืนยืนรักษาการณ์อยู่ตลอดเวลา มีทางเดินแคบๆ ไปยังห้องโถงใหญ่ ที่กลางห้องมีแท่นหินตั้งโลงแก้วบรรจุร่างของโฮจิมินห์หรือลุงโฮ (Uncle Ho) ที่นอนสงบเหมือนคนนอนหลับอยู่ภายใน

เป็นสถานที่ที่เก็บร่างอันไร้วิญญาณของ อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษที่ชาวเวียดนามทั่วทั้งประเทศให้ความเคารพสุสานโฮจิมินห์เป็นอาคารทรงเรียบง่าย ซึ่งสร้างจำลองรูปแบบของสุสานเลนินในกรุงมอสโคว์สหภาพโซเวียตเมื่อปี ค.ศ.1973 และทำพิธีเปิดเป็นทางการให้ประชาชนไดเข้าไปเคารพศพเมื่อปี ค.ศ.1975

ศพอาบน้ำยาของลุงโฮนอน สงบนิ่งคล้ายคนนอนหลับอยู่ภายในโรงแก้ว
สุสานแห่งนี้ห้ามนำกล้องถ่ายรูปตลอดจนกระเป๋าสะพานเข้าไปในสุสานเด็ดขาด ภายในสุสานมีระบบความปลอด ภัยอย่างเข้มงวด จึงไม่ควรส่งเสียงพูดคุย หรือหัวเราะเล่นกันในระหว่างเข้าชมเพื่อ แสดง ความเคารพและเป็นการให้เกียรติกับอดีตวีรบุรุษผู้นำคนสำคัญของชาวเวียดนาม

ศพของประธานาธิบดีโฮจิมินห์ได้รับการรักษาไว้ให้อยู่ในสภาพเดิม ซึ่งเป็นความลับทางการแพทย์ของรัสเซีย ที่แพทย์ในโลกตะวันตกยังไม่มีความชำนาญเท่า สุสานนี้จะปิดในฤดูใบไม้ร่วงเป็นเวลานาน 2 เดือน (เดือนตุลาคมและพฤศจิกายน) เพื่อนำศพลุงโฮไปทำความสะอาดและเปลี่ยนน้ำยาที่รัสเซีย เพื่อให้ศพของรัฐบุรุษที่ชาวเวียดนามนับถือเป็นบิดาของประเทศยืนยงไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งขัดกับความประสงค์ของโฮจิมินห์ที่สั่งให้เผาร่างของท่าน แล้วนำเถ้าถ่านกับอังคารไปบรรจุไว้ที่ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ ของประเทศ หากแต่ว่ารัฐบาลเวียดนามไม่ยอมปฏิบัติ คงเก็บรักษาร่างของลุงโฮไว้ให้คนเวียดนามกราบไหว้บูชาอยู่จนถึงปัจจุบัน

ปัจจุบันที่สุสานโฮจิมินห์จะใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญๆ เช่น การสวนสนามของทหารในวันชาติเวียดนาม ซึ่งการสวนสนามนั้นมีความงดงามและเป็นระเบียบพร้อมพร้อมกันยิ่งนัก

ผู้ที่จะเข้าไปในสุสานจะต้องฝากกระเป๋าถือและสิ่งของมีค่าไว้กับเจ้าหน้าที่ ห้ามถ่ายรูปใดๆ ทั้งสิ้น ผู้เข้าไปเคารพศพจะต้องแต่งกายเรียบร้อยและสำรวมกิริยาเดินตามกันไปเป็นแถวเรียงหนึ่งตามเส้นทางเดินที่จัดไว้ให้ ทุดคนมีโอกาศได้เห็นหน้าลุงโฮในโลงแก้วเพียงแว่บเดียวเท่านั้น ก็ต้องเดินผ่านเลื่อนไหลไปตามแรงหนุนเนื่องของผู้คนที่ต่อคิวเพราะวันหนึ่งๆ มีคนเข้าแถวไปเคารพศพลุงโฮมากเหลือเกิน

• ก่อนหน้า
• ต่อไป