12 ประวัติ อื่นๆ เวียดนาม
สารบัญ
ข้อมูลทั่วไปประเทศเวียดนาม
เมืองหลวง
คือ ฮานอย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการค้าและอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญต่างๆ ดังนี้
1.โฮจิมินห์ซิตี้ (ไซ่ง่อน) ตั้งอยู่ทางภาคใต้ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางการค้าด้วย
2.ไฮฟอง เป็นเมืองท่าอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือใกล้เมืองฮานอย
3.ดานัง เป็นเมืองท่าและเป็นเมืองด้านการท่องเที่ยว ติดทะเลจีนใต้อยู่ทางภาคกลางของเวียตนาม
4.เว้ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ใกล้เมืองดานัง
พื้นที่
เวียตนามมีพื้นที่ 327,500 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 81.4 ล้านคน
ศาสนา
เวียดนามไม่มีศาสนาประจำชาติ รัฐธรรมนูญเวียดนามบัญญัติให้ประชาชนมีเสรีในการเลือกนับถือศาสนา ในอดีต เมื่อจีนปกครองเวียดนามได้นำลัทธิขงจื๊อเข้ามาเผยแพร่ กับทั้งลัทธิการบูชาวิญญาณบรรพบุรุษตามธรรมเนียมจี ทำให้ชาวเวียดนามรับเอาประเพณีการเซ่นไหว้ดวงวิญญาณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเวียดนาม นอกจากนั้นชาวเวียดนามยังนับถือลิทธิเต๋าและศาสนาพุทธนิกายมหายาน แต่ก็ยังมีชาวเวียดนามอีกจำนวนมากที่เคารพบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อถือแต่ครั้งโบราณกาล
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ นับถือศาสนาคและที่เหนือนับถือศาสนาอื่นๆ อีก 3 เปอร์เซ็นต์
เวียดนามตอนใต้ได้รับอิทธิพลของขอม จาม และอินเดีย พ่อค้าอินเดียนำศาสนาฮินดูมาเผยแพร่ในเวียดนามตั้งแต่ศตวรรษแรก โดยการเดินทางผ่านไทย อาณาจักรจามปา (ชาวจาม) และเขมรมาถึงเวียดนาม ชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาฮินดูบูชาศิวะลึงค์แทนองค์พระศิวะ เป็นสิ่งสักการะสูงสุดของศาสนาฮินดู และต่อมาเมื่อชาวอาหรับเข้ามาแผ่อิทธิพลในอาณาจักรจามปา ชาวจามบางส่วนได้หันไปนับถือศาสนาอิสลาม ชาวจามและเขมรอาศัยอยู่ตามชายแดนเขตติดต่อกับเวียดนามแถวๆ นาตรัง (Nha trang) ทำให้ชาวเวียดนามนับถือศาสนาฮินดูและอิสลามไปด้วย มีชาวเวียดนามส่วนน้อยอยู่ในโฮจิมินห์ ซิตี้และฮานอยที่เป็นมุสลิม แต่การปฏิวัติศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลามของชาวเวียดนามไม่เคร่งครัดเหมือนมุสลิมทั่วไป เช่น มีการทำละหมาดเพียงครั้งเดียวในวันศุกร์ และช่วงเทศกาลถือศีลอดในเดือนรอมฎอน มุสลิมเวียดนามถือศีลอดเพียง 3 วัน ชาวเวียดนามที่เป็นมุสลิมไม่ไปแสวงบุญที่เมกกะ ถึงแม้ว่ามุสลิมเวียดนามจะไม่กินเนื้อหมู แต่ก็ไม่เคร่งครัดเรื่องเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ศาสนาพุทธเข้ามาสู่เวียดนามทั้งทางบกและทางทะเล ทางบกชาวจีนนำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแพร่ในเวียดนาม และพระเถรวาทจากอินเดียนำศาสนาพุทธเข้าทางทะเล ชาวเวียดนามนับถือศาสนาพุทธ (นิกายมหายาน) มานานกว่า 2,000 ปีแล้ว ปัจจุบันมีชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาพุทธมากถึง 2 ใน 3 ของประชากรทั้งประเทศ ตามหมู่บ้านในเวียดนามทุกแห่งจะมีจั่ว (Chua) หรือเจดีย์เป็นศาสนสถานประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านจะไปสวดมนต์ที่เจดีย์ทุกวันขึ้น 1 ค่ำ และ 15 ค่ำ บูชาพระด้วยผลไม้กับดอกไม้ธูปเทียน พร้อมทั้งสวดมนต์ภาวนา ชาวพุทธเวียดนามปฏิบัติธรรมด้วยการสำรวมจิตให้เป็นสมาธิ การประพฤติดีและเชื่อว่าการทำความดีจะช่วยให้มีชีวิตอยู่ในโลกอย่างเป็นสุขและจะได้เดินทางไปสู่ดินแดนแห่งความสุขอันสมบูรณ์หลังความตาย (นิพพาน)
สำหรับศาสนาคริสต์นั้น มิชชันนารีชาวโปรตุเกสเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคณะแรกที่มาถึงเวียดนามในศตวรรษที่ 16 ตามด้วยมิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ซึ่งภายหลังฝรั่งเศสได้เอาข้ออ้างความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นสาเหตุเข้ายึดครองเวียดนาม ถึงแม้ว่าศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจะเข้ามาเผยแพร่ในเวียดนามทีหลังศาสนาอื่น แต่จำนวนคริสต์ศาสนิกชนในเวียดนามก็มีจำนวนมากเป็นที่ 2 ในทวีปเอเชีย รองจากฟิลิปปินส์ ศาสนาคริสต์ในเวียดนามรุ่งเรืองมากที่สุดในยุคที่เวียดนามตกเป็นประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสและข้อขัดแย้งทางศาสนานี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญอีกประการ หนึ่งที่ทำให้ภาวะสงครามขึ้นในเวียดนามสืบเนื่องยาวนานนับสิบปี
การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ทำให้ศาสนาทุกศาสนาในเวียดนามถูกคุกคามทำลายล้าง วัดและเจดีย์ถูกทำลาย บรรดาผู้ที่นับถือลัทธิต่างๆ ถูกเพ่งเล็งว่าเป็นพวกนอกกฎหมาย พระและฆราวาสที่เกี่ยวข้องกับลัทธิศาสนานั้นๆ จะถูกจับกุมคุมขัง ในยุคที่คอมมิวนิสต์ครองเมืองเป็นยุคตกต่ำของทุกศาสนาในเวียดนาม
นอกจากศาสนาต่างๆ ที่ชาวเวียดนามนับถือกันมานานแล้ว เวียดนามยังมีลัทธิใหม่เกิดขึ้นอีก 2 ลัทธิ คือ ลัทธิกาวได๋และลัทธิฮัวเห่า ซึ่งทั้งสองลัทธินี้แพร่หลายมากในเวียดนาม
ลัทธิกาวได๋ (Cao Dai) คือลัทธิที่นำเอาความศรัทธาของทุกศาสนารวมกัน โดยรวมศูนย์อยู่ที่ “กาวได๋” (แปลว่า สิ่งสูงสุด) ลัทธินี้ก่อตั้งโดยอดีตข้าราชการชื่อ โงวันเจียว (Ngo Van Chieu) ผู้อ้างว่าเป็นร่างทรงสามารถติดต่อรับสารจากเทพเจ้าได้ ลัทธิใหม่นี้ได้รับการยอมรับนับถือมากในขณะนั้น เพราะรัฐบาลฝรั่งเศสที่ปกครองเวียดนามอยู่ให้การสนับสนุน ตามวัดต่างๆ จะมีแท่นบูชาตั้งลูกกลมซึ่งที่ทำมาจากกกระดาษระบายสี และตั้งสัญลักษณ์ของกาวได๋ เป็นดวงตาที่มีรัศมีดวงอาทิตย์ล้อมรอบ โดยมีศาสดาของศาสนาต่างๆ เช่น พระพุทธเจ้า พระเยซู ขงจื๊อ เล่าจื๊อ และเทพเจ้าของฮินดูประดิษฐานอยู่ที่แท่นบูชาบนกระจกทรงกลม การปฏิบัติศาสนกิจจะมีการสวดมนต์หน้าท่านบูชาเทพเจ้าวันละ 4 ครั้ง ในขณะนั้นมีชาวเวียดนามเป็นสมาชิกลัทธินี้มากถึงล้านกว่าคน ต่อมาฝรั่งเศสติดอาวุธให้สมาชิกลัทธิกาวได๋เพื่อให้ต่อต้านพวกเวียดมินห์ ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นกับประธานาธิบดีเวียดนาม สังฆราชกาวได๋ต้องลี้ภัยออกนอกเวียดนามไปกัมพูชาและไม่ได้กลับมาอีกเลยจนกระทั่งสิ้นชีวิต ปัจจุบันยังมีชาวเวียดนามที่นับถือลัทธิกาวได๋อยู่เป็นจำนวนมาก
ลัทธิฮัวเห่า (Hoa Hao) คือลัทธิที่ชายหนุ่มชาวใต้ ชื่อ หวิ่งห์ฝูโซ (Huynh Phu So) เป็นผู้ก่อตั้ง ตอนนั้นโซซึ่งมีโรคร้ายประจำตัวได้ขึ้นไปรักษาตัวอยู่ที่เจดีย์ของวัดบนเขาในแถบสันดอนแม่น้ำโขงทางตอนใต้ของประเทศ เมื่อเขาหายจากโรคร้ายแล้ว หวิ่งห์ฝูโซยังคงอยู่ปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์บนเขานั้นจนกระทั่งอาจารย์มรณภากพ โซจึงลงจากเขามาสู่หมู่บ้านเดิม ระหว่างที่ลงจากเขาเกิดพายุใหญ่ทำให้โซต้องติดค้างอยู่บนเขานั้นตามลำพัง โซใช้ช่วงเวลานั้นปฏิบัติธรรมและเกิดญาณสมาบัติจนบรรลุ หลังจากนั้นเขาจึงประกาศตนเป็นเจ้าลัทธิฮัวเห่า ซึ่งแปลว่า สันติสุขและเมตตาธรรม (Peace and Kindness) ลัทธินี้มีจุดมุ่งหมายสอนคนให้รักความสันโดษและความบริสุทธิ์ มีหลักปฏิบัติธรรมด้วยการสวดมนต์ การทำสมาธิ และการถือศีล ข้อห้ามสำคัญของลัทธินี้ คือ ห้างเล่นการพนัน ห้ามดื่มสุรา และห้ามสูบฝิ่น ถึงแม้ว่าลัทธินี้จะไม่เน้นการสร้างศาสนสถานใดๆ ช่วงเวลาที่มีการเผยแพร่ลัทธินี้ในเวียดนาม ก็มีผู้ศรัทธานับถือลัทธินี้มากถึง 1,000,000 คน ลัทธิใหม่ที่เกิดจากความเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์เติบโตอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ตกเป็นเหยื่อของการเมืองที่ใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ พัฒนาจากความเชื่อไปเป็นการต่อสู้ด้วยอาวุธและการเผชิญหน้า แม้ว่าจะมีการประนีประนอมในระยะแรก แต่ไม่นานนักลัทธิความเชื่อทางศาสนาก็ต้องพ่ายแพ้ต่อลัทธิการเมือง สุดท้ายลัทธิฮัวเห่าก็ถูกกวาดล้างทำลายไปเช่นเดียวกับลัทธิกาวได๋
ภาษา
ภาษาทางการคือ ภาษาเวียดนาม ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และจีน
ไปรษณีย์
เปิดทำการทุกวัน เวลา 6.30 – 20.00 น. บริการไปรษณีย์เวียดนามรวดเร็วและเชื่อถือได้ มีบริการส่งโทรเลขและแฟกซ์ตลอด 24 ชั่วโมง และมีบริการส่งด่วนถึงผู้รับใน 24 ชั่วโมง
โทรศัพท์
รหัสประเทศของเวียดนาม คือ 84 เวียดนามเป็นประเทศที่กำลังมีการพัฒนาทุกด้าน ไม่เว้นแม้แต่ด้านโทรคมนาคม การโทรศัพท์ติดต่อกับต่างประเทศใช้ได้สะดวก ตามโรงแรมมีบริการต่อสายโดยโอเปอร์เรเตอร์ หรือจะโทรศัพท์ไปต่างประเทศเองได้ตามที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง
หมายเลขโทรศัพท์ที่ควรรู้ (เมื่อต้องการโทรศัพท์หมายเลขฉุกเฉินควรให้คนที่พูดภาษาเวียดนามได้เป็นคนพูดแทน)
ตำรวจ 113
ดับเพลิง 114
รถพยาบาล 115
โทรศัพท์มือถือ
มือถือที่นำมาจากประเทศไทยใช้ในเวียดนามได้สบาย โดยติดต่อขอใช้บริการต่างประเทศกับบริษัทเจ้าของบริการโทรศัพท์ก่อนเดินทาง
อินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในเวียดนามทำได้สะดวก โดยผ่านบริการอินเทอร์เน็ตของท้องถิ่นรัฐบาลเวียดนามยังควบคุมการต่ออินเทอร์เน็ตโดยตรงกับต่างประเทศ เหตุผลก็คือเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หากต้องการใช้อินเทอร์เน็ตระหว่างอยู่ในเวียดนาม ควรใช้บริการอินเทอร์เน็ตฟรีของ Hotmail หรือ Yahoo ก็สะดวก หรือไม่ก็ซื้ออินเทอร์เน็ตเป็นชั่วโมงของบริษัทในเวียดนามก็ใช้ง่ายดี ในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญมีอินเทอร์เน็ตคาเฟ่บริการ ซึ่งการให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตในเวียดนามนั้นกำลังได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้บริการเฉลี่ยคิดนาทีละ 100 – 400 ด่อง บางแห่งผู้ใช้จะซื้อเวลาครั้งละครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง
สกุลเงิน
สกุลเงินของเวียดนามคือ ดอง อัตราแลกเปลี่ยน 420-460 ดอง ต่อ 1 บาท
เศรษฐกิจ
ประชากรเวียดนามประมาณ 75% มีอาชีพเป็นเกษตรกร สภาพดินฟ้าอากาศที่ดีเอื้ออำนวยให้เวียดนามปลูกข้าวได้ถึงปีละ 4 ครั้ง จนมีข้าวเพียงพอกับการบริโภคในประเทศแล้วยังเหลือส่งออกไปขายได้อีก ในขณะนี้เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่เป็นลำดับที่ 3 ของโลก รองจากอินเดียและไทย
พืชหลักของเวียดนามนอกจากข้าวแล้วยังมี ยางพารา ใบชา กาแฟ ข้าวโพด มันเทศ มันสำปะหลัง ถั่งเหลือ ถั่งลิสง มะพร้าว และพืชที่ให้เส้นใย เช่น ฝ้าย นุ่น และป่านปอเวียดนามมีรายได้จากการเกษตรประมาณ 45% ของรายได้ทั้งหมดในภาคอุตสาหกรรม เวียดนามมีอุตสาหกรรม เหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า ปูนซีเมนต์ สิ่งทอ ไม้ กระดา น้ำตาล และอาหารทะเล นอกจากนั้นยังมีการทำเหมืองแร่ ถ่านหิน เกลือ ทองคำ และน้ำมัน ปัจจุบันเวียดนามมีโรงกลั่นน้ำมันที่โฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โฮจิมินห์ ซิตี้ มีย่านอุตสาหกรรมอยู่ที่เบียนฮวา (Bien Hoa)
การประกาศใช้นโยบายปฏิรูปเศรษฐกิจโดยเมย ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ เมื่อสหรัฐอเมริกายกเลิกการกีดกันทางการค้ากับเวียดนามในปีค.ศ. 1994 และเริ่มต้นมีสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามในปีถัดมา ทำให้ชาวต่างชาติมีความมั่นใจเข้ามาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น การส่งเสริมการท่องเที่ยวเวียดนามได้ผลดีเกินคาดและทำรายได้เข้าประเทศปีละมากๆ กับทั้งมีการส่งเสริมการผลิตภาคเอกชนในการทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเบา ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามเพิ่มขึ้นปีละ 7% ติดต่อกันมาหลายปี
นอกจากการเกษตรกับการอุตสาหกรรมแล้ว การประมงก็นับเป็นอาชีสำคัญอีกอย่างหนึ๋งของชาวเวียดนาม มีผู้ทำอาชีพประมงมากกว่า 300,000 คน มีการจับปลาน้ำลึกที่มีอยู่ชุกชุมและเป็นปลาราคาดีที่มีอยู่ในน่านน้ำเวียดนามมากกว่า 50 ชนิด การประมางน้ำจืดก็เป็นอาชีที่รุ่งเรืองและทำรายได้ดีไม่แพ้การประมงทางทะเล เมื่อมีการปรับปรุงเครื่องมือที่ใช้ในการจับปลา เรือประมงและห้องเย็นสำหรับเก็บปลาในเรือให้ทันสมัยเหมือนประเทศอื่นๆ แล้ว อาชีพการประมงจะเป็นอาชีพที่มีอนาคตสดใสของชาวเวียดนามต่อไป
ปัจจุบันเวียดนามเป็นสมาชิกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารเพื่อการบูรณะและพัฒนาระหว่างประเทศ (ธนาคารโลก) รวมทั้งบริษัทเงินทุนระหว่างประเทศ (IFC) และเป็นสมาชิกอาเซียนด้วย



คำยืนยันลูกค้า
คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - กรุ๊ปคุณวา (นิฮอนสุพีเรีย) กิจกรรมซีเอสอาร์พัทยา-สัตหีบ 2 วัน19ท่าน
24095 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - Team Building กาญจนบุรี (ปีเตอร์สัน) 200 ท่าน
14283 Views
คำยืนยันแด่นิววิวทัวร์ - เอ้าท์ติ้ง พัทยา (เอสเปค) 20 ท่าน
15173 Views