รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน ในประเทศและโซนเอเชีย
สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง
084-160-0210 , 02-733-0683

12 ประวัติ อื่นๆ เวียดนาม

สารบัญ

ระบบการปกครอง
เวียดนามปกครองแบบระบอบคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นการปกครองโดยกองกำลังของรัฐ มีการแบ่งเขตการปกครอง แบ่งออกเป็น 59 จังหวัด (provinces) และ 5 เทศบาลนคร กับ 3 เขตการปกครองพิเศษ (municipalities) คือ ฮานอย ไฮฟอง และโฮจิมินห์ ซิตี้

การเมือง
เวียดนามมีการปกครองโดยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1975 การรวมประเทศเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้กลายเป็นประเทศ “สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม” ทำให้เวียดนามเป็นประเทศที่มีการปกครองแบบสังคมนิยม มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ มีหน้าที่ดูแลนโยบายของรัฐบาล รวมทั้งการทหารและการรักษาความสงบของประเทศ มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการร่างกฎหมายและการปกครองมีเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ทำหน้าที่ดำเนินนโยบายในประเทศที่วางโดยพรรค

คณะรัฐบาลคัดเลือกมาจากสมาชิกสภาแห่งชาติที่เสนอชื่อโดยพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งโดยทฤษฎีแล้วสมาชิกเหล่านี้ประชาชนเป็นผู้เลือกตั้ง ภายในพรรคคอมมิวนิสต์จะมีคณะกรรมการโปลิตบูโรเป็นผู้มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจและกำหนดนโยบายกับแนวทางของพรรค พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีสภาคองเกรสที่ประกอบด้วยสมาชิก 1,200 คน มีการประชุมใหญ่ทุกๆ 5 ปี มีการแต่งตั้งสมาชิกเข้าเป็นคณะกรรมการกลาง ซึ่งมีสมาชิก 160 คน มีการประชุมกันปีละ 2 ครั้ง โดยคณะกรรมการกลางจะมอบอำนาจให้คณะกรรมการโปลิตบูโรซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 17 คน เป็นผู้ใช้อำนาจ ดังนั้นอำนาจส่วนใหญ่ของรัฐบาลจึงจำกัดอยู่ที่คณะกรรมการโปลิตบูโร ซึ่งล้วนเป็นผู้สูงอายุกลุ่มนี้ เพราะถึงแม้ว่าบางคนจะเกษียณอายุแล้วแต่ก็ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอยู่

รัฐธรรมนูญที่ใช้ในประเทศเวียดนามขณะนี้คือรัฐธรรมนูญฉบับวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1992  ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งของเวียดนามต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป

วัฒนธรรม
ในด้านศิลปะ ชาวเวียดนามมีชื่อเสียงทั้งในด้านประติมากรรมและจิตรกรรม งานประติมากรรมที่โดดเด่นคือการแกะสลักพระพุทธรูปและสัตว์ในเทพนิยาย ด้วยไม้ หิน ไข่มุก งาช้าง และอัญมณีมีค่า ด้านจิตรกรรม เวียดนามขึ้นชื่อในเรื่องภาพสีน้ำและสีน้ำมัน ในสมัยโบราณนิยมวาดภาพเกี่ยวกับศาสนาและเทพนิยาย สมัยต่อมานิยมวาดภาพธรรมชาติตามแรงบันดาลใจจากลัทธิเต๋าและการประดิษฐ์ตัวอักษรแบบจีน

เวียดนามมีการผสมผสานด้านวัฒนธรรม จากหลายชนชาติ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 432 เวียดนามได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากจักรพรรดิจีนนานกว่าพันปี ดังนั้น สิ่งก่อสร้าง อาหารการกิน จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของจีนมาก และยังมีความหลากหลายของผู้คนของชาวเขาหลากหลายชนเผ่าทางภาคเหนือของเวียดนาม และเมื่อสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง เวียดนามก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฝรั่งเศสด้วย ได้แก่ ตึกที่อยู่อาศัยที่ดูทันสมัย เป็นตึกสีเหลืองสไตล์โคโลเนียลที่มีให้พบเห็นมากมาย ดังนั้นวัฒนธรรมต่างๆ ของเวียดนามจึงมีการผสมผสานกันเป็นอย่างมาก ทั้งด้านที่อยู่อาศัย เทศกาล อาหาร เป็นต้น

แม้ว่าชาวเวียดนามจะถูกปกครองโดยคนต่างชาติมาเป็นเวลานับร้อยปี แต่พวกเขาพยายามรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี ชาติที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อเวียดนามคือจีน ที่ได้ทิ้งมรดกด้านวัฒนธรรมสำคัญไว้กับชาวเวียดนามคือลัทธิขงจื๊อ ที่เน้นการนับถือบรรพบุรุษและความรับผิดชอบในหน้าที่กับศาสนาพุทธที่สอนเกี่ยวกับการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และการเกิดใหม่

ปัจจุบันมีโรงเรียนสอนศิลปะที่ฮานอยและโฮจิมินห์ ซิตี้ สอนการเขียนภาพบนผ้าแพรเป็นภาพเกี่ยวกับประเพณีโบราณ กับสอนศิลปะชั้นสูงที่ประยุกต์มาจากศิลปะสมัยใหม่ของฝรั่งเศส

งานหัตถกรรมของเวียดนามมีชื่อเสียงมาก คือ งานพิมพ์ไม้ (หมู่บ้าน Tranh Lang Ho) เครื่องเขินและเครื่องมุก เครื่องเงิน ทองเหลือและทองแดง กับงานจักสานจากหวายและไม้ไผ่

ในด้านสถาปัตยกรรม เวียดนามมีชื่อเสียงในด้านการออกแบบอาคารที่สร้างด้วยไม้ แกะสลักด้วยศิลปะแบบตะวันออก เป็นลวดลายที่ละเอียดประณีตสวยงาม นิยมตกแต่งเสาประตู มุมหลังคาและชายคาด้วยลวดลายมังกร สถาปัตยกรรมเวียดนามเน้นความกลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่นิยมสร้างสิ่งก่อสร้างสูงๆ แต่สร้างให้ออกทางด้านกว้าง เหมาะกับสภาพแวดล้อม และให้ความสำคัญกับลักษณะพื้นที่ ทิศทาง และรูปแบบโครงสร้างตามหลักฮวงจุ้ยของจีนโบราณ เช่น การสร้างเมืองหลวงเว้ในสมัยราชวงศ์เหวียน พระเจ้ายาลองผู้ก่อตั้งราชวงศ์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังโบราณที่ปักกิ่ง สุสานของพระเจ้ายาลองได้รับการยกย่องว่าเป็นสุสานที่สง่างามที่สุดและมีภูมิสถาปัตย์ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็ง มั่นคง อำนาจ และความมีวินัย

วรรณคดี
ทุกเมืองสำคัญของเวียดนามจะมีวิหารวรรณคดี (Temple of Literature) ที่สร้างถวายบูชาขงจื๊อ ศูนย์กลางของลัทธิขงจื๊อคือราชสำนักของจักรพรรดิ ผู้ทรงอุปการะวัดวรรณคดีและทรงสั่งให้จารึกชื่อของนักปราชญ์กับนักวรรณคดีผู้มีชื่อเสียงของประเทศไว้บนแผ่นหินในวัด โดยวรรณกรรมยุดแรกๆ ของเวียดนามที่แต่งไว้ภาษาจีน ต่อมาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นภาษาเวียดนามและใช้สอนตามโรงเรียนทั่วประเทศ

เมื่อมีการนำอักษรโรมันมาเขียนภาษาเวียดนาม ทำให้วรรณคดีเวียดนามรุ่งเรืองมากขึ้นและแพร่หลายไปอย่างรวดเร็ว อิทธิพลของแนวคิดและปรัชญาใหม่ๆ จากตะวันตกทำให้งานวรรณคดีของเวียดนามมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น ไม่ยึดติดรูปแบบจากจีนต่อไป วรรณคดีที่เกิดจากลัทธิชาตินิยมที่มีเนื้อหาเน้นความรุนแรงมีการสอดแทรกโฆษณาชวนเชื่อและมีการเปลี่ยนบทละครอิงประวัติศาสตร์เพื่อปลุกใจประชาชน นักเขียน นวนิยายชื่อดังของเวียดนามในยุคนั้นคือ Nguyen Toung ผลงานของเขาที่เขียนขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังเป็นงานวรรณกรรมที่ชาวเวียดนามนิยมอ่านกันอย่างแพร่หลายมาถึงปัจจุบัน

เวียดนามมีหนังสือพิมพ์รายวันและนิตยสารที่เป็นภาษาอังกฤษหลายฉบับ หนังสือพิมพ์รายวัน Vietnam News มียอดการจำหน่ายสูงสุด นิตยสารรายสัปดาห์ Vietnam Economic Times มีประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจข่าวสารด้านเศรษฐกิจของเวียดนาม หนังสือส่งเสริมการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวเวียดนาม ชื่อ Vietnam Discovery พิมพ์แจกฟรีทุกเดือน หนังสือรายงานกิจกรรมของท้องถิ่นมี 2 ฉบับ คือ Time Out กับ The Guide เป็นหนังสือคู่มือนักท่องเที่ยว ที่มีบทบาทความเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม แนะนำร้านอาหารและภัตตาคารกับแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีในฮานอยกับโฮจิมินห์ ซิตี้

หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอื่นๆ เช่น Time, Bangkok Post และ The Herald Tribune มีจำหน่ายตามร้านหนังสือใหญ่ๆ

สถานีวิทยุและโทรทัศน์เวียดนามดำเนินการโดยรัฐบาล ทั้งวิทยุและโทรทัศน์จะเสนอข่าวภาคภาษาอังกฤษวันละ 2 ครั้ง (เวลา 14.00 น. และ 18.00 น.) ตามโรงแรมห้าดาวจะมีเคเบิลทีวีที่มีภาพยนตร์ต่างประเทศและข่าว CNN ให้ชม

ประชากร
มีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 86,116,559 คน ซึ่งเกือบ 90% เป็นชาวเวียดนามซึ่งมีถิ่นอาศัยดั้งเดิมอยู่แถบ ตอนใต้ของจีนและ ทางด้านตอนเหนือประเทศเวียดนาม ชนกลุ่มน้อยในประเทศเวียดนามมี อยู่ประมาณ 10% ของประชากรทั่ว ทั้งประเทศกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดคือชาวจีนประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ ประเทศ สำหรับชน กลุ่มน้อยที่ใหญ่รองลงมาก็คือชาวเขา ซึ่งแบ่งออกเป็น 30 เผ่า ชนกลุ่มน้อยอันดับที่สาม คือชาวเขมร มีประมาณ 600,000 คน

เทศกาลเต็ด (Tet)
โดยปกติแล้ว ชาวเวียดนามจะเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ อย่างน้อย 3-7 วัน ติดต่อกัน โดยมีเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด คือ “เต็ดเหวียนดาน” (Tet Nguyen Dan) มีความหมายว่าเทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี ที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า เทศกาลเต็ด เทสกาลจะเริ่มต้นขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนจะมีวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ คือ ระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ ของวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในฤดูหนาว กับวันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ในฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองในภาพรวมทั้งหมดของความเชื่อในเทพเจ้า ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ และศาสนาพุทธ รวมถึงการเคารพบรรพบุรุษ

เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง
สำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง นับตามจันทรคติตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี ชาวบ้านจัดประกวด “ขนมบันตรังทู” หรือ ขนมเปี๊ยะโก๋ญวน ทีมีรูปร่างกลม มีไส้ถั่วและไส้ผลไม้ พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร เพื่อแสดงความเคารพต่อพระจันทร์ ซึ่งในบางหมู่บ้านอาจประดับโคมไฟพร้อมทั้งจัดงานขับร้องเพลงพื้นบ้าน

เวลาทำการของขององค์กรรัฐและเอกชน
1.หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข 8.00 – 16.30 น. ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์ พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้บริการวันเสาร์อีกครึ่งวัน
2.ร้านค้าเอกชนทั่วไปให้บริการระหว่าง 6.00 – 18.30 น.
3.ธนาคารพาณิชย์ ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา 8.00 – 16.00 น. (หยุดพักเวลา 12.00 – 13.00 น.)
4.สำนักงานไปรษณีย์โทรเลข ให้บริการ ตั้งแต่ 7.00 – 20.00 น.
5.โรงงานอุตสาหกรรม ทำงานวันจันทร์ – วันศุกร์ และวันเสาร์อีกครึ่งวัน โดยเวลาทำงานรวมไม่เกิน 48 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์ หากเกินจากนี้ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา สำหรับวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม 2 เท่า และวันหยุดนักขัตฤกษ์จ่ายเพิ่ม 3 เท่าริสต์ ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์

หมวกเวียดนาม

 

tour-hat-vietnam

เรียกว่า Non la ( น๊อน ล้า)     หมวกนี้ทำจากใบจาก ที่สามารถหาได้ทั่วไป เวลาจะทำต้องนำใบจากนั้นมาตากแดดให้แห้ง แล้วนำมารีดให้เรียบ เป็นแผ่น ๆ ซึ่งปกติแล้ว หมวกใบหนึ่งจะประกอบด้วย ใบจากประมาณ 16-18 ใบ และใช้มือเย็บอย่างปราณีต ซึ่งจะทำให้หมวกนี้ละเอียด ทนแดด ทนฝน

เมื่อสาวเวียดนามใส่หมวกใบนี้แล้ว จะมีเสน่ห์ก็ตรงที่จะเผยให้เห็นใบหน้าบางส่วนเท่านั้น ตรงนี้เองที่ทำให้มีเสน่ห์น่าค้นหา หมวกนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมสร้างเสน่ห์ให้สาวเวียดนามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของชนชาติเวียดนามอีกด้วย

ประวัติชุดประจำชาติเวียดนาม
ชุด "อ่าว หญ่าย"

tour-clothes-vietnam tour-clothes-vietnam-2


ความประทับใจหนึ่งที่ผู้มาเยือนประเทศเวียดนามไม่เคยลืมเลย นั่นก็คือ ความสวยงามของหญิงสาวในชุด ประชาติของเวียดนาม หรือ ที่เรียกว่าชุด อ่าว หญ่าย ซึ่งแปลว่าชุดยาว

หญิงสาวชาวเวียดนามจะสวมชุด อ่าว หญ่าย สีสันต่าง ๆ เดินไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง ไปตามถนนสาธารณะ หรือ อาจจะเป็นที่สำนักงาน ซึ่งถือว่าเป็นชุดที่ดูสุภาพ และสวยงาม บางครั้ง อาจจะเห็น สาวเวียดนามสวมชุดนี้ ไปโรงเรียน ซึ่งก็ถือว่าเป็นชุดนักเรียนของพวกเธอด้วย เด็กสาวชาวเวียดนามในชั้นมัธยม ทางรัฐบาลจะให้สวมชุด อ่าวหญ่าย สีขาว หรือ สีอื่น ๆ บ้าง เป็นเครื่องแบบประจำของพวกเธอ

ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยก็มักจะใส่ชุดอ่าว หญ่าย โดยเลือกที่จะใส่ชุดสีเข้ม ๆ มีเนื้อผ้าที่มีราคา เช่น ผ้าสีดำ หรือ สีน้ำเงินเข้มบ้าง ซึ่งบางบริษัทก็เลือกที่จะสวมชุดอ่าวหญ่ายนี้เป็นชุดประจำบริษัทเลยทีเดียว

ซึ่งสำเนียงนี้เป็นสำเนียงของภาคเหนือ ส่วนภาคใต้จะออกเสียงสั้น ๆ ว่า "อ่าว ซ่าย" ซึ่งส่วนมากแล้วในอดีตคนในภาคเหนือของประเทศเวียดนามจะนิยมใส่มากกว่าภาคใต้

แต่หลังจากสิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 1975 แล้ว ชุดนี้ก็เป็นที่นิยม สามารถพบเห็นได้แทบจะทุกภาคของประเทศ และได้รับความนิยมมาก

ชุดประจำชาติเวียดนาม หรือ ชุด Ao dai นี้ (อ่านว่า อาว หญ่าย) นอกจากจะนิยมใช้กันในเมืองใหญ่ ๆ แล้ว ตามชนบทก็เป็นที่นิยมด้วย เนื่องจากเป็นชุดที่ใส่แล้วสบาย เพราะเนื้อผ้า ค่อนข้างละเอียด

ชุดนี้นิยมแต่งที่ภาคใต้เมืองโฮจิมินห์ เวลามีงานสำคัญ ผู้หญิงนิยมใส่ชุดคล้าย ชุด กี่เผ๊าของจีน แต่ที่เวียดนามเขาเรียกว่า "อ๊าว หย่าย"(Áo dài)ซึ่งก็มีความแต่งต่างกันบ้างเล็กน้อย ที่เป็นชุดยาวผ่ายาวถึงเอวรัดช่วงเอวและแขนยาว ขนาดพอดีตัว ชุดนึงมีสองชิ้น ส่วนกระโปรงได้พัฒนาให้เหมาะกับการสวมใส่และความสะดวก จึงเป็นกางเกงกระโปรงผสมกัน ที่เห็นลวดลายดังรูปเป็นแบบประยุกต์ เพราะของเดิมไม่ได้มีลวดลายเป็นแบบพื้นๆสีขาว และถ้าจะให้ครบสูตรต้องมีหมวกงอบ(Nón lá=น๊อง ล้า)ด้วยส่วนผู้ชายทางภาคใต้ก็แต่งชุดสากลธรรมดา แต่จริงแล้วประเพณีของเขาเริ่มมาจากภาคกลางซะเป็นส่วนมาก อันเนื่องมาจากเดิมทีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่ภาคกลางบริเวณแถบเมืองเว้(Huế)เป็นที่ตั้งของวังเก่า อาหาร วัฒนธรรม ดนตรี ประเพณีเก่าแก่ได้ถือกำเนิดที่นั่น

อุปนิสัยของชาวเวียดนาม
ลักษณะเด่นของ ชาวเวียดนาม คือ เป็นกลุ่มคนที่มีความขยันขันแข็งและมีความอดทนเป็น พิเศษ แม้คนจีนก็ยังยอมรับว่าคนญวน มีความขยันขันแข็งในการประกอบอาชีพมากว่าตน ในเรื่องน้ำอดน้ำทนของคนญวนไม่มีชาติใดในเอเชีย ที่เหนือกว่าคนญวน การที่คนญวนสามารถทนทำสงครามต่อสู้กับสหรัฐอริเมริกาเป็นเวลานานนับ 10 ปี ทั้งๆ ที่ประเทศของตนประสบกับความเสียหายอย่างยับเยิน จากการโจมตีที่ทิ้งระเบิดของสหรัฐ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ อย่างดีถึงความอดทนของคนญวน เมื่อคนญวนอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ก็ตั้งหน้าทำมาหากิน ประกอบกับการที่รัฐบาลไทยในระยะนั้น ได้ให้อุปการะช่วยเหลือ ทำการจัดสรรแบ่งที่ดินให้ทำกิน และให้ยืมทุนในการประกอบอาชีพรวมทั้งปล่อยให้ทำมาหากินโดยอิสระเสรี ไม่มีการกีดกั้นหรือหวงห้ามแต่อย่างใดจึงเป็นผลให้คนญวนสามารถสร้างฐานะความเป็นอยู่ ให้เป็นปึกแผ่นขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดคนญวนก็สามารถสร้างฐานะทางเศรษฐกิจของตนให้เหนือกว่าคนไทยในชุมชน

คนญวน ประกอบอาชีพเกือบทุกประเภท นับแต่ด้านการเกษตร การช่างฝีมือต่าง ๆ เช่น ช่างไม้ ช่างเหล็ก ช่างกลึง ช่างนาฬิกา ช่างไฟฟ้าวิทยุ ช่างเย็บเสื้อผ้า ช่างเครื่องยนต์ ต่อตัวถังรถยนต์ อาชีพค้าขายทุกชนิด การประมง การแพทย์ ถ่ายรูป การค้าขายในตลาดสด เป็นต้น ด้วยความขยันหมั่นเพียร และการมีน้ำอดน้ำทน สามารถประกอบอาชีพได้ทุกชนิดโดยไม่มีการรังเกียจ ผลจึงปรากฎว่า ชุมชนใดที่มีกลุ่มชาวญวนอยู่ อิทธิพลทางเศรษฐกิจจะตกอยู่ในมือของคนกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่

แหล่งที่มา : หนังสือคู่มือนักเดินทางฉบับพกพา เวียดนาม หน้า 17 – 19, หน้า 25 – 36, หน้า 47 – 58, หน้า 85 - 86

 

tour-instruction คำแนะนำการเดินทาง ประเทศเวียดนาม

tour-channels-transportation ช่องทางและวิธีการเดินทาง ประเทศเวียดนาม

tour-maps แผนที่ ประเทศเวียดนาม

tour-weather ภูมิอากาศ ประเทศเวียดนาม

tour-gift-shops ร้านของฝาก ประเทศเวียดนาม

tour-restaurants ร้านอาหาร ประเทศเวียดนาม

tour-entertainment สถานบันเทิง ประเทศเวียดนาม

tour-hotels-resorts โรงแรม รีสอร์ท ประเทศเวียดนาม

tour-festivals เทศกาล ประเทศเวียดนาม

tour-attractions สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศเวียดนาม

tour-telephone-numbersเบอร์ติดต่อสถานที่สำคัญ ประเทศเวียดนาม

tour-gallery ประมวลรูปภาพ ประเทศเวียดนาม

ทัวร์แนะนำ

  1. เหมากรุ๊ป Team Building
  2. เหมากรุ๊ป CSR
  3. เหมากรุ๊ป Team Building และ CSR
  4. เหมากรุ๊ปทัวร์ในประเทศ
  5. เหมากรุ๊ปทัวร์เอเชีย

ศูนย์รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับในประเทศและโซนเอเชีย

นิววิวทัวร์ รับจัด Outing, Team Building, CSR, Walk Rally, สัมนานอกสถานที่, ดูงาน สำหรับบริษัทในเขตกรุงเทพ ปริมณฑล และ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง

เชื่อถือได้

เราเป็นบริษัทที่ทำด้านการท่องเที่ยวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีลูกค้าต่างๆมากมาย ซึ่งเชื่อมั่นในคุณภาพของการดำเนินงานของเรา

ราคาคุ้มค่า

ทุกแพ็คเก็จทัวร์มีรายละเอียดและแผนงาน ที่ทำให้คุ้มค่ากับทุกบาทที่ลูกค้าเลือกเรา

บริการต่อเนื่อง

 เมื่อมีโปรโมชั่นใหม่ๆ หรือ ทัวร์น่าเทียว เราจะแจ้งให้ทราบตามส่วนติดต่อที่ระบุไว้ให้กับเรา 

ข้อมูลเพิ่มเติม

เราทีทีมงานที่พร้อมให้ข้อมูลกับลูกค้าทุกท่าน เพียงแค่โทรหาเรา

นิววิวทัวร์พาเที่ยว

กับผลงานการจัดทัวร์บางส่วนของความมุ่งมั่นในการให้บริการจากเราและการอุปการะคุณที่ดีของลูกค้าที่ผ่านมาโดยตลอด

คำยืนยันลูกค้า

คำยืนยัน ในคุณภาพและผลงานการจัดทัวร์จากลูกค้าบางส่วนของ นิววิวทัวร์